เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา กล่าวว่า กัมพูชาได้ถอนตัวจากข้อตกลงพัฒนาเศรษฐกิจระดับภูมิภาคกับเวียดนามและลาวที่ดำเนินมายาวนานหลายสิบปีแล้ว ในการยินยอมที่น่าประหลาดใจต่อนักวิจารณ์ที่กังวลว่าประเทศจะเสียดินแดนให้เพื่อนบ้าน
ในคำแถลงที่โพสต์บนหน้าเพจเฟซบุ๊กเมื่อค่ำวันศุกร์ (20) ผู้นำกัมพูชากล่าวว่า ทางการได้ตัดสินใจถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าว และเวียดนามและลาวได้รับแจ้งถึงการตัดสินใจดังกล่าวแล้ว
เขากล่าวหา “พวกหัวรุนแรง” ว่าใช้ข้อตกลงดังกล่าวเป็นอาวุธทางการเมืองเพื่อโจมตีฝ่ายบริหารของเขาจากข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลได้ยกพื้นที่บางส่วนของ 4 จังหวัดทางตะวันออกเฉียงเหนือให้ประเทศเพื่อนบ้าน
“โดยคำนึงถึงความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับดินแดน..เราได้ตัดสินใจว่ากัมพูชาจะยุติการมีส่วนร่วมในพื้นที่สามเหลี่ยมพัฒนากัมพูชา-ลาว-เวียดนาม (CLV-DTA) ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.2567 เป็นต้นไป” ฮุน มาเนต กล่าว
ข้อตกลงที่ลงนามในปี 2542 มีเป้าหมายที่จะส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจังหวัดทางตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชากับจังหวัดที่อยู่ติดกันในลาวและเวียดนาม
นักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านบางคนและชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ต่างประเทศได้แสดงความกังวลว่าข้อตกลงดังกล่าวอาจเป็นประโยชน์ต่อผลประโยชน์ของต่างประเทศอย่างไม่เป็นธรรม
เมื่อเดือนที่ผ่านมา ชาวกัมพูชาในประเทศต่างๆ เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส แคนาดา ออสเตรเลีย และสหรัฐฯ ได้จัดการชุมนุมประท้วงต่อต้านข้อตกลงและเรียกร้องให้รัฐบาลถอนตัว
ตั้งแต่เดือน ก.ค. ทางการกัมพูชาได้จับกุมผู้คนเกือบ 100 คน รวมทั้งเด็กจำนวนหนึ่งที่พยายามเข้าร่วมการประท้วงที่วางแผนไว้เพื่อต่อต้านข้อตกลงในกรุงพนมเปญ ตามการระบุของกลุ่มสิทธิมนุษยชน
เมื่อต้นเดือน ฮุน มาเนต ระบุว่าคนเหล่านี้พยายามจะโค่นล้มรัฐบาลของเขา
ในบรรดาผู้ที่ถูกจับกุม 9 คนในนั้นถูกดำเนินคดี ขณะที่คนอื่นๆ ได้รับการปล่อยตัว
นักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านกล่าวหามายาวนานว่าฮุนเซน อดีตผู้นำกัมพูชาและพ่อของฮุน มาเนต ยอมยกดินแดนให้เวียดนามโดยเฉพาะ
ความหวาดกลัวเรื่องการรุกรานของเวียดนามเป็นสายล่อฟ้าทางการเมืองในกัมพูชามายาวนาน และในโพสต์เฟซบุ๊กคืนวันศุกร์ ฮุนเซนกล่าวว่าการตัดสินใจถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าวก็เพื่อดับไฟให้หมดสิ้น.