MGR ออนไลน์ - พลเรือนราว 30,000 คน ติดอยู่ในเมืองใหญ่ที่สุดของรัฐชาน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของพม่า ท่ามกลางการสู้รบระหว่างกองทัพและกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์โกก้าง ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์เผย
กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติพม่า (MNDAA) เป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรของกองกำลังชนกลุ่มน้อยพันธมิตร 3 กลุ่มที่เรียกว่า พันธมิตรสามภราดรภาพ โดยกลุ่มพันธมิตรเปิดฉากโจมตีเมื่อเดือน ต.ค. ในชื่อปฏิบัติการ 1027 และผลักดันกองกำลังทหารในหลายพื้นที่ให้ล่าถอย
หลังจากการหยุดยิง 5 เดือนที่สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. MNDAA และกองกำลังพันธมิตรได้โจมตีค่ายทหารในเมืองมาดายา ซินกู และโมก๊ก ในภาคมัณฑะเลย์ และที่เมืองสีป่อ เจ่าก์เม หนองเขียว และล่าเสี้ยว ในรัฐชาน
กองกำลัง MNDAA เริ่มโจมตีด่านทหารในเมืองล่าเสี้ยว เมืองที่มีประชากรราว 130,000 คน เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ชาวเมืองมากกว่า 50,000 คน ได้หลบหนีออกจากบ้านเรือนของตนเองท่ามกลางการระดมยิงปืนใหญ่ที่ทำให้พลเรือนบาดเจ็บล้มตาย ชาวบ้านระบุ
แต่ยังมีประชาชนอีกราว 30,000 คน ติดอยู่ในเมือง ที่ส่วนใหญ่เป็นเพราะพวกเขาขาดเงินทุนในการหลบหนี
“เราไม่มีเงินพอที่จะหนี ทำให้ต้องอยู่ในเมืองต่อ การเช่ารถเพื่อหนีก็แพงเช่นกัน” ชาวบ้านรายหนึ่งระบุ
นอกจากนี้ ชาวบ้านยังระบุว่า เมืองล่าเสี้ยวกำลังเผชิญกับการขาดแคลนสินค้าโภคภัณฑ์และราคาที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงร้านค้าหลายแห่งปิดตัว
ชายวัย 100 ปี ในเมืองล่าเสี้ยวเผยกับสำนักข่าวว่า เขาไม่สามารถออกจากเมืองได้เนื่องจากบาดเจ็บที่ศีรษะและขาเพราะถูกกระสุนปืน ตอนนี้เขาต้องพึ่งเสบียงอาหารจากกลุ่มบรรเทาทุกข์
“ผมได้อาหารจากกลุ่มบรรเทาทุกข์เพราะร้านค้าส่วนใหญ่ในล่าเสี้ยวปิด มีการโจมตีทางอากาศเกิดขึ้น บ้านทุกหลังที่อยู่ใกล้กับกองพันทหารราบที่ 507 ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง” ชายวัย 100 ปี กล่าว
ข้อมูลของชาวบ้านเมืองล่าเสี้ยวและกลุ่มบรรเทาทุกข์ระบุว่า มีพลเรือนเสียชีวิตราว 30 คน และได้รับบาดเจ็บ 30 คนจากการโจมตีด้วยปืนใหญ่ ระหว่างวันที่ 3-17 ก.ค.
เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ในเมืองล่าเสี้ยวยืนยันกับสำนักข่าวว่าผู้คนจำนวนมากติดอยู่ในเมืองเพราะพวกเขาไม่สามารถทิ้งบ้านของตนเองได้ ขณะที่ผู้ลี้ภัยในเมืองใกล้เคียงกำลังเผชิญกับความยากลำบากต่างๆ
“คนจำนวนมากต้องการออกจากเมือง แต่พวกเขาไม่มีเงิน พวกเขากำลังพยายามขายมอเตอร์ไซค์ของตัวเองเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในการย้ายไปพื้นที่อื่น” เจ้าหน้าที่กล่าว และระบุว่าคนส่วนใหญ่พยายามจะอพยพไปเมืองมัณฑะเลย์ ที่อยู่ห่างไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 280 กิโลเมตร หรือเมืองตองยี ที่อยู่ห่างไปทางใต้ราว 345 กิโลเมตร
ในบรรดากลุ่มคนที่หลบหนีออกจากเมืองแล้วกว่า 50,000 คน หลายคนย้ายไปอยู่ที่เมืองกุตก่าย ตองยี มัณฑะเลย์ และนครย่างกุ้ง บางคนติดอยู่ระหว่างทาง ส่วนบางคนก็เผชิญกับความยากลำบากในเมืองที่ย้ายไปลี้ภัย
“เราหนีออกจากบ้านโดยที่ไม่มีเงินมากเพียงพอ เราคิดว่าคงจะเผชิญกับปัญหาอีกมากในระยะยาว เราไม่มีงานทำหรือรายได้ในเมืองเหล่านี้” ชาวบ้านระบุ
ชาวเมืองล่าเสี้ยวกล่าวว่าค่าเช่าในเมืองตองยีเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากผู้พลัดถิ่นที่ย้ายมาเมืองนี้เพิ่มจำนวนขึ้น.