เอพี - นักการทูตระดับสูงของสหรัฐฯ จัดการเจรจาหารือในเวียดนามเมื่อวันเสาร์ (22) และกล่าวว่าความไว้วางใจระหว่างสองประเทศอยู่ในระดับสูงสุด เพียงไม่กี่วันหลังประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเยือนกรุงฮานอย
แดเนียล คริเทนบริงค์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ยืนยันว่าการเยือนของเขาไม่เกี่ยวข้องกับการเยือนของปูตินเมื่อวันพฤหัสฯ เวียดนามได้ยกระดับสหรัฐฯ สู่สถานะทางการทูตสูงสุดของประเทศ คือหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้านเมื่อปีก่อน ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับจีนและรัสเซีย การยกระดับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ชี้ว่าเวียดนามต้องการสร้างความเป็นมิตรเนื่องจากบริษัทตะวันตกกำลังมองหาการกระจายห่วงโซ่อุปทานออกจากจีน
การเดินทางเยือนฮานอยของปูตินนำมาซึ่งการตำหนิอย่างรุนแรงจากสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงฮานอยที่กล่าวว่า “ไม่มีประเทศใดควรให้ปูตินมีพื้นที่ในการส่งเสริมสงครามรุกรานของเขา และไม่ปล่อยให้เขาทำให้ความโหดร้ายของเขากลายเป็นเรื่องปกติ” โดยอ้างถึงการรุกรานยูเครนของรัสเซีย และตอนนี้เข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว
ผู้แทนสหรัฐฯ ได้สะท้อนความกังวลเหล่านั้น แต่ขณะเดียวกันก็กล่าวว่าเขาได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่เวียดนามอย่างชัดเจนว่าเหตุผลหลักของการเยือนครั้งนี้คือความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ และเวียดนาม เขาได้พบหารือกับ บุ่ย แถ่ง เซิน รัฐมนตรีต่างประเทศของเวียดนาม
“มีเพียงเวียดนามที่สามารถตัดสินใจวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องอธิปไตยและพัฒนาผลประโยชน์ของประเทศ” คริเทนบริงค์ กล่าว โดยเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างเวียดนามและสหรัฐฯ ตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม โดยมูลค่าการค้าระหว่างประเทศอยู่ที่ 111,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2566 เทียบกับรัสเซียที่มีมูลค่าเพียง 3,600 ล้านดอลลาร์
แต่รัสเซียยังคงมีความสำคัญสำหรับเวียดนาม ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นพันธมิตรเก่าจากยุคสงครามเย็น แต่ยังเป็นเพราะรัสเซียยังคงเป็นซัปพลายเออร์ด้านกลาโหมรายใหญ่ที่สุด และเทคโนโลยีการสำรวจน้ำมันของรัสเซียช่วยรักษาการอ้างสิทธิของเวียดนามในทะเลจีนใต้
คริเทนบริงค์กล่าวว่า การกระทำที่รุกรานมากขึ้นของจีนในการกดดันการอ้างสิทธิเหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด เป็นสาเหตุของความวิตกกังวลของภูมิภาคและโลก
ข้อพิพาทเกี่ยวกับดินแดนดังกล่าว ที่เกี่ยวข้องกับจีน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย บรูไน และไต้หวัน ถูกมองว่าเป็นความขัดแย้งของเอเชียมานานแล้ว ที่อาจทำให้สหรัฐฯ ต่อสู้กับจีน หากการเผชิญหน้าในทะเลทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นความขัดแย้งทางอาวุธ
เวียดนามกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า พร้อมที่จะเจรจาหารือกับฟิลิปปินส์เพื่อแก้ไขประเด็นการอ้างสิทธิทับซ้อนเหนือไหล่ทวีปใต้ทะเลในทะเลจีนใต้ด้วยแนวทางทางการทูต ที่ตรงข้ามกับจีน
“เราคิดว่าการกระทำของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำล่าสุดรอบสันดอนโทมัสที่ 2 ที่เผชิญหน้ากับฟิลิปปินส์นั้นขาดความรับผิดชอบ ก้าวร้าว อันตราย และบ่อนทำลายความมั่นคง” คริเทนบริงค์ กล่าว.