เอเอฟพี - ผู้นำกัมพูชากล่าวว่า ประเทศจะไม่สร้างเขื่อนบนแม่น้ำโขง หลังจากยกเลิกโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์ในพื้นที่คุ้มครอง
กัมพูชาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากการอนุญาตให้บริษัทต่างๆ เข้าถางพื้นที่ป่าหลายแสนเฮกตาร์ รวมถึงในพื้นที่คุ้มครอง เพื่อดำเนินการทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่การทำสวนยางและไร่อ้อย ไปจนถึงเขื่อนไฟฟ้า
นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต กล่าวว่า การสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงสายหลักจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศของแม่น้ำ และโตนเลสาบ ที่เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นแหล่งปลาสำคัญของชาวเขมร
“รัฐบาลจะไม่สร้างเขื่อนใดๆ ตามแนวแม่น้ำโขง เพราะจะส่งผลกระทบอย่างมาก” ผู้นำกัมพูชากล่าวในพิธีวางศิลาฤกษ์เขื่อนไฟฟ้าใน จ.เกาะกง
นอกจากนี้ เขายังประกาศอย่างเป็นทางการถึงการยกเลิกโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 700 เมกะวัตต์ในอุทยานแห่งชาติโบตัมสาคร ใน จ.เกาะกง โดยเดิมนั้นโรงไฟฟ้าโบตัมสาครมีกำหนดเริ่มการผลิตประมาณปี 2568
เจ้าหน้าที่กำลังพิจารณาเปลี่ยนโครงการเป็นการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว
ฮุน มาเนต ย้ำว่ากัมพูชาจะไม่พัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่ ที่เป็นส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบของประเทศต่อสภาพแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศที่ใช้ร่วมกันของโลก
เขากล่าวว่าความเคลื่อนไหวนี้เป็นข้อความถึงประเทศต่างๆ ในการเจรจาเรื่องสภาพภูมิอากาศที่นครดูไบ
ฮุน มาเนต ระบุว่าพลังงานหมุนเวียนมีสัดส่วนอยู่ที่ 60% ของแหล่งพลังงานของประเทศ
ผู้นำกัมพูชายังกล่าวว่าในแผนการผสมผสานแหล่งพลังงานของประเทศ พลังงานหมุนเวียนจะครองสัดส่วนอยู่ที่ 70% ภายในปี 2573 เพื่อให้ประเทศกลายเป็นจุดหมายปลายทางพลังงานสะอาดสำหรับการท่องเที่ยวและการลงทุน
ในเดือน ธ.ค.2564 กัมพูชาได้เผยแพร่แผนงานเพื่อให้บรรลุการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2593 ซึ่งในแผนดังกล่าวยังรวมถึงคำมั่นที่จะส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน ตลอดจนการลงทุนในการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว การจัดเก็บ และโครงสร้างพื้นฐาน
สำหรับการผลิตพลังงานจากถ่านหินมีสัดส่วนอยู่ที่ 35.5% ของการผลิตทั้งหมดของประเทศในปี 2565 ตามการระบุของการไฟฟ้ากัมพูชา ขณะที่เขื่อนไฟฟ้ามีสัดส่วนอยู่ที่ 54%.