เอเอฟพี - รัฐบาลทหารพม่าประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (1) ว่าได้เริ่มการสำรวจสำมะโนประชากรนำร่องในเขตชุมชน 20 แห่งทั่วประเทศ ความเคลื่อนไหวที่นักวิจารณ์กล่าวว่าจะถูกใช้เป็นเครื่องมือเพิ่มการสอดแนมฝ่ายตรงข้าม
กองทัพอ้างความชอบธรรมการรัฐประหารปี 2564 ด้วยการกล่าวอ้างว่ามีการโกงเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในการเลือกตั้งปี 2563 ที่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของอองซานซูจีได้ชัยชนะอย่างล้นหลาม
เจ้าหน้าที่รัฐบาลกล่าวว่า จะต้องดำเนินการสำรวจสำมะโนประชากรระดับชาติให้เสร็จสิ้นก่อนจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ ซึ่งรัฐบาลกล่าวเป็นนัยว่าอาจมีขึ้นในปี 2568
“เราจะดำเนินการ (สำรวจสำมะโนประชากร) ตั้งแต่วันที่ 1-15 ต.ค.2566 ใน 20 เขตชุมชนที่ได้รับเลือกในกรุงเนปีดอ รวมถึงรัฐและภูมิภาคอื่นๆ” คำแถลงระบุ โดยอ้างถึงเมืองหลวงที่กองทัพสร้างขึ้น แต่ไม่ได้ระบุว่ามีพื้นที่ใดเกี่ยวข้องบ้าง
“เขตชุมชนทั้ง 20 แห่งนี้จะเป็นตัวอย่าง” รายงานระบุ
สื่อของทางการรายงานว่าโครงการนำร่องนี้เริ่มขึ้นในภูมิภาคกะเหรี่ยง พะโค และมัณฑะเลย์
ทั้งนี้ยังไม่มีข้อบ่งชี้จากกองทัพว่าในพื้นที่ที่เกิดการต่อสู้ระหว่างรัฐบาลทหารและฝ่ายตรงข้ามจะมีโครงการนำร่องเกิดขึ้นด้วยหรือไม่
สื่อของรัฐระบุว่า การดำเนินการสำรวจสำมะโนประชากรนำร่องนี้เกิดขึ้นก่อนการสำรวจสำมะโนประชากรทั่วประเทศในปี 2567
ทั้งนี้ นักวิจารณ์กล่าวว่ารัฐบาลทหารจะใช้การสำรวจสำมะโนประชากรยกระดับการเฝ้าติดตามฝ่ายตรงข้ามการรัฐประหารของพวกเขา ที่รวมถึงข้าราชการ แทพย์ และครู หลายพันคนที่ไม่กลับไปทำงานเพื่อประท้วง
ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ยังคงแตกแยกจากความขัดแย้ง ที่พลเรือนติดอยู่ในเหตุระเบิดและการสู้รบที่เกิดขึ้นเกือบทุกวัน ซึ่งกองทัพยอมรับว่าพวกเขาไม่สามารถควบคุมพื้นที่ได้อย่างสมบูรณ์
ปัจจุบันมีประชาชนมากกว่า 1.6 ล้านคน ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศ นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร ตามการระบุของสหประชาชาติ
สหรัฐฯ ได้กล่าวไว้ว่าการเลือกตั้งใดก็ตามภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหารจะเป็นการหลอกลวง ในขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่าการเลือกตั้งจะตกเป็นเป้าหมายของฝ่ายตรงข้ามของกองทัพ และทำให้เกิดการนองเลือดมากขึ้น
ด้านรัสเซียกล่าวสนับสนุนแผนการเลือกตั้งของนายพล และคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติของรัสเซียยังลงนามในบันทึกความร่วมมือในกิจกรรมการเลือกตั้งกับพม่าเมื่อเดือนก่อน
แม้ว่าจะไม่มีการกล่าวถึงเรื่องนี้ในคำแถลง แต่พม่าระบุว่ามีความตั้งใจที่จะใช้ระบบระบุตัวตนแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเจ้าหน้าที่กล่าวว่าโครงการนี้จะรวบรวมข้อมูลชีวประวัติและข้อมูลชีวภาพของพลเมืองที่มีอายุ 10 ปีขึ้นไป โดยรัฐมนตรีของพม่าได้ขอให้จีนช่วยเหลือดำเนินการโครงการดังกล่าวเมื่อเดือนก่อน.