MGR ออนไลน์ - รองผู้อำนวยการสำนักงานการเกษตรและการพัฒนาชนบท ระบุว่ากรุงฮานอยควรยุติการซื้อขายและการบริโภคเนื้อสุนัขและแมว ในการประชุมหารือกับหน่วยงานต่างๆ เกี่ยวกับการบริโภคเนื้อสุนัขและแมววานนี้ (5)
กรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม ได้รับเลือกให้เป็นนครเพื่อสันติภาพ จากองค์การยูเนสโกในปี 2542 และในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนหลายล้านคน ดังนั้นการเชือด จำหน่าย และบริโภคเนื้อสุนัขและเนื้อแมว อาจสร้างความรู้สึกไม่ดีในหมู่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมือง
เจ้าหน้าที่รายเดิมกล่าวว่า เขาต้องการให้กรุงฮานอยเป็นเมืองที่ปฏิเสธเนื้อสุนัขและเนื้อแมว และเสริมว่าเมืองหลวงควรเข้มงวดในการจัดการโรงฆ่าสัตว์และธุรกิจค้าเนื้อสุนัขและแมวแปรรูป และควรปิดสถานประกอบการหากพบว่าฝ่าฝืนกฎระเบียบด้านความปลอดภัยทางสุขภาพ ซึ่งจะช่วยลดจำนวนสถานที่เหล่านี้
นอกจากนี้ เมืองหลวงควรจับสุนัขจรจัดและสุนัขที่เร่ร่อนอยู่ตามถนนที่ไม่มีเจ้าของ และนำพวกมันไปไว้ที่ศูนย์พักพิง เพื่อป้องกันจากกลุ่มคนขโมยสุนัขไปขายให้โรงฆ่าสัตว์
มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย ที่ทำงานเพื่อปรับปรุงสวัสดิภาพของสุนัขและแมวในเอเชีย ระบุว่า การห้ามขายและบริโภคเนื้อสุนัขและแมวเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและกรุงฮานอยสามารถนำร่องได้
ทั้งนี้ การบริโภคเนื้อสุนัขและแมวเป็นวิถีที่มีมาแต่โบราณในเวียดนาม ดังนั้น เพื่อยุติพฤติกรรมดังกล่าวจึงจำเป็นต้องสร้างความตระหนักรู้และให้ความรู้แก่ประชาชน และดำเนินกิจกรรมการสื่อสารเพื่อเปลี่ยนมุมมองของผู้คนเกี่ยวกับเนื้อสุนัขและแมว
รายงานขององค์กร Four Paws ในปี 2564 ระบุว่ามีสุนัขและแมวกว่า 5 ล้านตัวถูกขายในเวียดนามทุกปีเพื่อเอาเนื้อ
ข้อมูลจากสำนักงานการเกษตรของกรุงฮานอยระบุว่า เมืองหลวงของเวียดนามมีสุนัขและแมวราว 421,000-460,000 ตัว และกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
ปัจจุบัน เมืองฮอยอันเป็นเมืองเดียวในเวียดนามที่ออกกฎหมายห้าม ที่ยุติการขายและบริโภคเนื้อสุนัขและแมว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะเป็นจุดหมายปลายทางที่เป็นมิตรต่อนักท่องเที่ยว.