xs
xsm
sm
md
lg

อาการน่าเป็นห่วง! ผู้บริหารวินฟาสต์ 3 รายโบกมือลาหลังเพิ่งเปิดตัวรถไฟฟ้าในตลาดต่างประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รอยเตอร์ - วินฟาสต์ (VinFast) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเวียดนามกล่าวว่า ผู้บริหารระดับสูงของฝ่ายขายและฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ 3 คน ลาออกจากบริษัทในสัปดาห์นี้

การลาออกครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับผู้บริหารครั้งล่าสุดของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเวียดนาม ซึ่งเกิดขึ้นหลังการเปิดตัวรถไฟฟ้าของบริษัทในแคลิฟอร์เนีย ที่เป็นการเปิดตัวครั้งแรกในตลาดต่างประเทศ

ในคำแถลงต่อรอยเตอร์ วินฟาสต์กล่าวว่า การ์เร็ต ดันส์มอร์ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายและฝ่ายการตลาดโลก ‘ได้ลาออกด้วยเหตุผลส่วนตัวและเราเคารพการตัดสินใจของเขา’

วินฟาสต์กล่าวว่า ผู้บริหารอีก 2 คนในสหรัฐฯ คือ เกรก เท็บบัตต์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด และเครก เวสต์บรู๊ก อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ ลาออกเพราะการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดการและข้อกำหนดทางธุรกิจ

ทั้งนี้ รอยเตอร์ไม่สามารถติดต่อดันส์มอร์ เท็บบัตต์ และเวสต์บรู๊ก เพื่อขอความคิดเห็นได้

วินฟาสต์ บริษัทในเครือกลุ่มบริษัทวินกรุ๊ป เจเอสซี ได้จัดส่งรถเอสยูวีไฟฟ้ารุ่น VF8 จำนวน 999 คัน จากเวียดนามไปแคลิฟอร์เนียในเดือน พ.ย. แต่ต้องใช้เวลาจนถึงช่วงต้นเดือน มี.ค. เพื่อเตรียมรถสำหรับส่งมอบให้ลูกค้าหลังจากเปิดเผยว่ารถจะมีระยะแบตเตอรี่ต่ำกว่าที่บริษัทได้แจ้งไว้กับผู้ซื้อ

รถไฟฟ้า VF8 ล็อตแรก ซึ่งวินฟาสต์ได้รีแบรนด์ใหม่เป็นรุ่น City Edition เพื่อให้สอดคล้องตามระยะทางที่ลดลง จะจำหน่ายในรูปแบบของสัญญาเช่าในแคลิฟอร์เนีย และคาดว่าบริษัทจะจัดส่ง VF8 เวอร์ชันที่วิ่งได้ในระยะทางไกลกว่าเดิมมาในช่วงปลายปีนี้

บริษัทกำลังหาช่องทางรุกเข้าสู่ตลาดรถไฟฟ้าของสหรัฐฯ ในขณะที่คู่แข่งรายอื่นๆ นำโดยเทสลา กำลังปรับลดราคาและเตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่หลายรุ่น

นอกจากวินฟาสต์แล้ว บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าคู่แข่งทั้ง Lucid Rivian และ Nikola ต่างเผชิญกับแรงกดดันจากคำสั่งซื้อที่ลดลง อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น

ในเดือน ก.พ. วินฟาสต์ได้รวมการดำเนินงานของบริษัทในสหรัฐฯ และแคนาดา โดยปรับลดตำแหน่งงานลง 80 ตำแหน่ง รวมถึงอดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและบัญชีสหรัฐฯ

นอกจากนี้ อดีตวิศวกรของเจเนอรัล มอเตอร์ส ที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งในเดือน มิ.ย. ให้เป็นผู้นำในการพัฒนาผลิตภัณฑ์รถไฟฟ้า ได้ลาออกจากตำแหน่งในเดือน ธ.ค. ก่อนรถยนต์คันแรกของบริษัทจะถูกส่งมอบให้ลูกค้าสหรัฐฯ

บริษัทที่เริ่มดำเนินการผลิตในปี 2562 กำลังวางแผนที่จะสร้างโรงงานในนอร์ท แคโรไลนา และได้ยื่นเสนอขายหุ้นใหม่ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกในสหรัฐฯ เพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ เพื่อเป็นทุนสำหรับการก่อสร้างโรงงาน

รายได้ของบริษัทในปี 2565 อยู่ที่ 14.9 ล้านล้านด่ง (631 ล้านดอลลาร์) ลดลงราว 6.9% เมื่อเทียบกับปี 2564 ขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้น 55% ที่ 49.8 ล้านล้านด่ง จาก 32.2 ล้านล้านด่ง ตามที่ระบุในหนังสือชี้ชวนล่าสุดของบริษัท.
กำลังโหลดความคิดเห็น