MGR Online - แก๊งสกิมเมอร์ดูดข้อมูลบัตรเอทีเอ็มระบาดเข้าลาว ลูกค้าแบงก์ในแขวงเซกองโวย จู่ๆ มีคนกดเงินจากตู้ในเวียงจันทน์ 3 วันติด ดูดเงินออกไปจากบัญชีถึง 57 ล้านกีบ BECL ธนาคารพาณิชย์ใหญ่สุดในลาวรีบแจ้งลูกค้าให้ระวัง ตรวจสอบจุดผิดสังเกตตามตู้เอทีเอ็มก่อนกดเงินสด
เช้าวันนี้ (10 มี.ค.) มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งในลาวได้โพสต์ขอความเป็นธรรม เนื่องจากมีผู้ถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของเขา ซึ่งได้เปิดไว้กับธนาคารพาณิชย์ สาขาเซกอง โดยไม่รู้ตัว ทำให้มีเงินหายออกไปถึง 57.5 ล้านกีบ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 115,000 บาท
เหตุการณ์ดังกล่าวเจ้าของบัญชีเงินฝากเริ่มพบจุดผิดสังเกตเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ขณะที่เขานำบัตรเอทีเอ็มตั้งใจจะไปกดเงินออกจากตู้แห่งหนึ่งในแขวงเซกอง แต่ไม่สามารถทำรายการได้ เพราะตู้เอทีเอ็มแจ้งเตือนว่า ในวันดังกล่าวเขาได้ทำรายการถอนครบกำหนด 6 ครั้งต่อวันไปแล้ว
เมื่อได้เช็กข้อมูลจากแอปธนาคารในโทรศัพท์มือถือ พบว่า ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ต่อเนื่องถึงวันที่ 1 มีนาคม มีรายการถอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มออกจากบัญชีเงินฝากของเขาทุกวัน วันละ 6 ครั้ง ยอดถอนแต่ละครั้งเป็นเงินประมาณ 2.5 ล้านกีบ ข้อมูลในแอประบุว่าเป็นการทำรายการผ่านตู้เอทีเอ็มในนครหลวงเวียงจันทน์ ทั้งที่ตลอดเวลาดังกล่าวเขาอยู่ในแขวงเซกอง และพกบัตรเอทีเอ็มติดอยู่กับตัวตลอด
วันที่ 3 มีนาคม 2566 เจ้าของบัญชีจึงได้ไปแจ้งความไว้กับแผนกตำรวจเศรษฐกิจ กองบัญชาการป้องกันความสงบ เพื่อให้ดำเนินคดีผู้ที่ลักลอบถอนเงินสดออกจากบัญชีไป โดยในสำนวนการแจ้งความระบุว่า หลังพบสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับบัญชี ได้แจ้งไปยังธนาคารการค้าต่างประเทศลาวมหาชน (BCEL) ให้อายัดบัญชีเงินฝากของตนไว้ก่อน
วานนี้ (9 มี.ค.) เพจทางการของธนาคารการค้าต่างประเทศลาว ได้ออกมาโพสต์แจ้งเตือนลูกค้าให้เพิ่มความระมัดระวังในการถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม เนื่องจากพบว่ามีกลุ่มคนร้ายนำอุปกรณ์ไปติดตั้งตามตู้เพื่อขโมยข้อมูลในบัตรเอทีเอ็มของลูกค้า ดังนั้น หากลูกค้าพบเห็นสิ่งผิดปกติตามตู้เอทีเอ็มให้รีบแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ของธนาคารโดยด่วน
ธนาคารการค้าต่างประเทศลาวมหาชน เป็นธนาคารพาณิชย์ของรัฐบาลที่ใหญ่ที่สุดในลาว และเป็นบริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ลาว (LSX)
ส่วนภาพที่ธนาคารนำมาโพสต์แจ้งเตือนลูกค้า เป็นลักษณะที่กลุ่มคนร้ายนำอุปกรณ์ที่เรียกว่า “สกิมเมอร์” ไปครอบช่องเสียบบัตรเอาไว้ เพื่อดูดข้อมูลจากแถบแม่เหล็กหลังบัตรเมื่อลูกค้าเสียบบัตรเพื่อกดเงินสด จากนั้นมีอุปกรณ์อีกตัวหนึ่งที่ติดตั้งไว้เหนือช่องกดรหัส ทำให้คนร้ายสามารถรู้รหัส 4 หลักของเหยื่อเวลาทำรายการ
เมื่อคนร้ายได้ข้อมูลเหล่านี้ทั้งหมดแล้ว สามารถนำไปทำเป็นบัตรเอทีเอ็มปลอม และกดเงินสดออกจากบัญชีของเหยื่อได้เหมือนเป็นบัตรเอทีเอ็มจริง
การขโมยข้อมูลในบัตรเอทีเอ็มเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่เคยระบาดอย่างหนักในประเทศไทยเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว โดยกลุ่มคนร้ายที่ตำรวจไทยสามารถจับได้แทบทั้งหมดเป็นแก๊งคนจีนที่มาจากทั้งแผ่นดินใหญ่ และจากไต้หวัน
อย่างไรก็ตาม ตลอดเวลากว่า 10 กว่าปีมานี้ ไม่ปรากฏข่าวว่ามีแก๊งสกิมเมอร์เข้าไปอาละวาด ปลอมแปลงบัตรเอทีเอ็มเพื่อขโมยกดเงินออกจากบัญชีเงินฝากของลูกค้าธนาคารในลาว เพิ่งจะปรากฏออกมาเป็นข่าวโด่งดังในครั้งนี้.