อุทัยธานี - สาวอุทัยธานีเล่าทั้งน้ำตา..นำรถยนต์ราคาเกือบล้านที่สามีฝรั่งซื้อให้ปล่อยเช่า โดนโจรสาวแสบใช้ทะเบียนบ้าน-บัตร ปชช.ปลอมหลอกเช่ารถเที่ยวเชียงใหม่แล้วหายไร้ร่องรอย จับ GPS ครั้งสุดท้ายได้ที่ “แม่ระมาด ตาก” ก่อนขาดการติดต่อ โทร.ไม่รับ-แชตไม่ตอบ คาดถูกขายเป็นรถเถื่อนประเทศเพื่อนบ้านแล้ว
วันนี้ (6 มี.ค. 66) นางสาวอรวรรณ มาชาโด อายุ 29 ปี และนายเดวิด มาชาโด อายุ 47 ปี สามีชาวอเมริกัน อยู่บ้านเลขที่ 96 หมู่ 1 บ้านคลองแห้ง ต.ทองหลาง อ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี เปิดเผยว่าถูกโจรสาวแสบหลอกเช่ารถยนต์มูลค่าเกือบล้านบาท ก่อนแอบถอด GPS ทิ้ง แล้วหายไปทั้งคนทั้งรถ ทำให้กังวลใจว่ารถยนต์ของตัวเองอาจจะถูกนำไปขายเป็นรถเถื่อนในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งคู่ได้เล่าถึงพฤติกรรมสุดแสบของหญิงสาวรายหนึ่ง มีชื่อตามบัตรประชาชนว่า นางสาววนัชพร มัทวารัตน์ หรือมินต์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104 หมู่ที่ 3 ต.ตะเนา จ.นครราชสีมา ซึ่งตรวจสอบภายหลังพบว่าเป็นบัตรประชาชนปลอม ได้โทรศัพท์ติดต่อมาขอเช่ารถยนต์ฟอร์ด รุ่นเรนเจอร์ สี่ประตู ทะเบียน กฉ 8782 อุทัยธานี ตามที่ได้โพสต์ไว้ในกลุ่มของผู้ที่สนใจเช่ารถ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
จากนั้นก็ได้ติดต่อคุยกันผ่านทางแชตไลน์ ก่อนโทรศัพท์พูดคุยว่ามีความประสงค์ที่จะเช่ารถยนต์ไปเชียงใหม่ ซึ่งก็ได้มีการสอบถามรายละเอียดถึงการเช่ากันตามปกติ โดยนางสาวอรวรรณ เจ้าของรถยนต์ ก็ได้แจ้งรายละเอียดไปว่า..หากเช่ารายอาทิตย์จะคิดค่าเช่ารวมทั้งสิ้น 12,000 บาท แต่จะมีค่าจองรถ 800 บาท หากเช่าเป็นวัน คิดที่วันละ 1,500 บาท ค่ามัดจำ 1,500 บาท และหลังจากที่นำรถมาคืนแล้วนั้นก็จะคืนเงินมัดจำให้
ซึ่งนางสาวอรวรรณ (เจ้าของรถ) ก็ได้ตอบตกลงเช่ารถยนต์คันดังกล่าว โดยนัดรับรถกันที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขาหนองฉาง จ.อุทัยธานี เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 17.00 น. ซึ่งนางสาววนัสพร ผู้เช่าก็เดินทางมาตามนัด และนำสำเนาเอกสารที่ต้องใช้ในการเช่ารถยนต์ ทั้งบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ให้ไว้เป็นหลักฐานตามปกติครบถ้วน พร้อมกับเงินค่ามัดจำ 800 บาท เงินค่าเช่ารถยนต์อีก 4 วัน คิดเป็นเงิน 8,700 บาท
หลังจากนั้นนางสาววนัชพร หรือมิ้นต์ ผู้เช่าก็ได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวมุ่งหน้าไปทางภาคเหนือตามที่แจ้งไว้ว่าจะไปเชียงใหม่ ขณะที่นางสาวอรวรรณ (เจ้าของรถ) ก็ได้ติดต่อพูดคุยกับผู้เช่ารถยนต์ผ่านแชตไลน์และให้ผู้เช่าส่งโลเกชันให้เป็นระยะว่าปัจจุบันอยู่จุดไหนแล้ว
“วันแรกตรวจสอบ GPS ก็ยังขึ้นตามปกติ แต่ต่อมาไม่สามารถจับสัญญาณ GPS ในรถยนต์ที่ใช้คู่กับแอปพลิเคชันในมือถือได้ ครั้งสุดท้ายจับสัญญาณได้ที่จังหวัดตาก เมื่อติดต่อสอบถามกับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ถึงเรื่องสัญญาณ GPS รถยนต์ก็ได้คำตอบว่า อาจเกิดขึ้นได้ 2 กรณี คือ ถูกถอดออกหรืออยู่ในจุดไม่มีสัญญาณ แต่ด้วยความที่ว่ายังสามารถพูดคุยติดต่อกับผู้เช่าได้ตามปกติ จึงไม่ได้คิดอะไร”
นางสาวอรวรรณ (เจ้าของรถ) เล่าอีกว่า ต่อมาวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ได้แชตถามผู้เช่ารายนี้อีกครั้ง เนื่องจากถึงวันส่งคืนรถตามสัญญาเช่า แต่หญิงสาวผู้เช่าได้แจ้งว่าจะขอเช่ารถต่ออีก 1 วัน พร้อมกับโอนเงินมาให้ 2,000 บาท ขณะที่สัญญาณ GPS ในรถยนต์ก็ยังคงขาดๆหายๆ ตนเองจึงได้แจ้งไปยัง นางสาววนัสพรให้ช่วยแชร์โลเกชันมาให้ แต่ทางนางสาววนัสพรได้แจ้งว่า สัญญาณมือถือมีเป็นระยะๆ อาจจะทำให้ติดต่อไม่ได้
กระทั่งวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ตนก็ได้ติดต่อกับ นางสาววนัสพรอีกครั้งเพราะถึงเวลาคืนรถที่เช่า ซึ่งทางนางสาววนัชพร หรือมิ้นต์ ก็ได้อ้างว่าระบบโอนเงินในมือถือไม่ได้ แต่จะพยายามหาตู้เอทีเอ็มโอนเงินให้ในเช้าวันที่ 27 กุมภาพันธ์ และจากนั้นจะขับรถยนต์มาคืนให้ที่จุดนัดรับรถกันวันแรก โดยได้มีการนัดส่งรถยนต์ช่วงเวลาประมาณ 1 ทุ่ม แต่ตนเองและสามีรอจนถึงเวลานัดก็ยังติดต่อกับนางสาววนัชพรไม่ได้ โทร.ไม่รับ-แชตไม่ตอบ และแผนที่แชร์ให้กับตนเองในครั้งสุดท้ายนั้นจับพิกัดได้ว่าอยู่ที่ อ.แม่ระมาด จ.ตาก เท่านั้น
นางสาวอรวรรณยังได้เปิดเผยต่ออีกว่า รถคันที่ให้เช่านี้เป็นรถที่นายเดวิด สามีชาวอเมริกันซื้อให้ เป็นรถมือหนึ่งป้ายแดง ซื้อด้วยเงินสด 840,000 บาท แต่ต่อมาตนเองได้ออกเก๋งมาอีกหนึ่งคัน จึงทำให้ไม่ค่อยได้ใช้รถยนต์คันดังกล่าว เลยตัดสินใจนำรถคันนี้ปล่อยเช่า โดยโพสต์ไปตามกลุ่มต่างๆ ที่มีคนต้องการจะเช่ารถไปใช้งาน ซึ่งได้ปล่อยเช่าไป 4 ครั้งเท่านั้น ประกอบกับตอนที่นัดรับรถนั้นก็ยอมรับตัวเองประมาทที่ไม่ถ่ายรูปของผู้เช่าไว้เป็นหลักฐานให้ชัดเจน ขอแต่สำเนาบัตรประชาชนไว้เท่านั้น
และหลังจากที่ติดต่อกับนางสาววนัชพร หรือมิ้นต์ ไม่ได้ ก็ร้อนใจว่ารถจะถูกนำไปขายเป็นรถเถื่อน จึงได้พากันไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้ที่ สภ.หนองฉาง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจสอบสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของหญิงสาวผู้เช่ารายนี้ก็พบว่าเป็นบัตรประชาชนปลอมที่ทำขึ้นมาเพื่อตบตาในการหลอกเช่ารถยนต์อีกด้วย
“มั่นใจว่ารถของฉัสอาจจะตามเอาคืนมาได้ยากแล้ว เพราะว่าเป็นการที่จงใจหลอกลวงโดยตรง แต่ก็ยังคงมีความหวังอยู่บ้างเล็กน้อย ซึ่งหากใครพบรถยนต์ทะเบียนกับรุ่นข้างต้น สามารถติดต่อแจ้งได้เลยทันที ที่เบอร์โทรศัพท์ 08-4381-8492”