MGR Online - แบงก์ชาติลาวยังใช้ยาแรงชุดเดิมแก้วิกฤตการเงินในประเทศ ออกพันธบัตรเงินกีบ ดอกเบี้ย 20% ล็อตที่ 2 เริ่มขายวันจันทร์นี้ แต่ลดวงเงินลงมาเหลือ 1 ล้านล้านกีบ หลังล็อตแรก 5 ล้านล้านกีบ เพิ่งครบอายุไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ส่วนเงินเฟ้อเดือนธันวาคม 2565 เดินหน้าสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง บวก 39.27%
ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566 ที่จะถึงนี้ ธนาคารแห่ง สปป.ลาว จะเริ่มจำหน่ายพันธบัตรสกุลเงินกีบ งวดที่ 2 วงเงิน 1 ล้านล้านกีบ เป็นพันธบัตรอายุ 6 เดือน ไม่สามารถเปลี่ยนมือได้ อัตราดอกเบี้ย 20% ต่อปี โดยจะชำระคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยครั้งเดียว เมื่อพันธบัตรครบกำหนดไถ่ถอน
พันธบัตรที่จะนำออกมาจำหน่ายเป็นพันธบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ไม่มีใบพันธบัตร (Script less) ผู้ซื้อจะได้รับใบรับรองการถือครองพันธบัตร (BOL Bill Certificate) ซึ่งธนาคารพาณิชย์ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายออกให้
ผู้มีสิทธิซื้อพันธบัตรต้องเป็นบุคคล นิติบุคคล ซึ่งมีถิ่นฐานอยู่ในลาวตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ยกเว้นธนาคารพาณิชย์ หรือสถาบันการเงินที่รับฝากเงินในลาวจะไม่มีสิทธิซื้อพันธบัตรนี้
โดยผู้ที่มีสิทธิสามารถซื้อพันธบัตรได้ในวงเงินต่ำสุด 100,000 กีบ บุคคลธรรมดาสามารถซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 2 พันล้านกีบ ส่วนนิติบุคคลซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 10,000 ล้านกีบ
ธนาคารแห่ง สปป.ลาว ได้แต่งตั้งธนาคารพาณิชย์ 7 แห่งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายพันธบัตรล็อตนี้ ประกอบด้วย ธนาคารการค้าต่างประเทศลาว ธนาคารพัฒนาลาว ธนาคารส่งเสริมกสิกรรม ธนาคารร่วมธุรกิจลาว-เวียด ธนาคารร่วมพัฒนา ธนาคารอุตสาหกรรมและการค้าจีน (ICBC) สาขานครหลวงเวียงจันทน์ และธนาคารบีไอซี ลาว
พันธบัตรสกุลเงินกีบที่ธนาคารแห่ง สปป.ลาว นำออกมาจำหน่ายครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำหรับรักษาเสถียรภาพตลาดการเงินของลาว หลังจากตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ลาวต้องประสบกับวิกฤตการเงิน ค่าเงินกีบตกต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จนเกิดเป็นภาวะขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ ขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงจนสร้างสถิติสูงสุดใหม่มาตลอดทุกเดือน ตั้งแต่เดือนมกราคา 2565 เป็นต้นมา สร้างปัญหาค่าครองชีพให้ประชาชนทั่วประเทศ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2565 ธนาคารแห่ง สปป.ลาว ได้จำหน่ายพันธบัตรเงินกีบ งวดที่ 1 อัตราดอกเบี้ย 20% วงเงิน 5 ล้านล้านกีบ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำหรับดูดซับปริมาณเงินกีบในตลาด พันธบัตรที่ออกมาล็อตแรกมีเงื่อนไขเหมือนกับพันธบัตรงวดที่ 2 ซึ่งกำลังจะนำออกมาจำหน่าย คือมีอายุ 6 เดือน และได้ครบกำหนดไปแล้วเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา
ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติตามนโยบายเงินตราของธนาคารแห่ง สปป.ลาว ดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง จึงต้องมีการออกพันธบัตรงวดที่ 2 มาจำหน่าย แต่ได้ลดวงเงินลงมาเหลือเพียง 1 ล้านล้านกีบ
เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ศูนย์สถิติแห่งชาติ กระทรวงแผนการและการลงทุน เพิ่งรายงานอัตราเงินเฟ้อของลาวประจำเดือนธันวาคม 2565 ซึ่งยังคงสร้างสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเงินเฟ้อลาวเดือนธันวาคม เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าอยู่ที่ 39.27% สาเหตุหลักยังมาจากการอ่อนค่าลงของเงินกีบ ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ตลอดจนปัจจัยการผลิตเกือบทุกชนิดที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากลาวจำเป็นต้องนำเข้าสินค้าเหล่านี้เข้ามาจากต่างประเทศ
อัตราเงินเฟ้อของลาวได้พุ่งขึ้นมาถึงระดับ 30% ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 โดยเงินเฟ้อในเดือนดังกล่าวอยู่ที่ 30.01% จากนั้นก็ไม่เคยต่ำลงมาอีกเลย กันยายนเงินเฟ้อเดือนอยู่ที่ 34.05% เดือนตุลาคม 36.75% และเดือนพฤศจิกายน 38.46%.
