ลาวสร้างคุกเพิ่มใน "สามเหลี่ยมทองคำ" รองรับธุรกิจสีเทาขยายตัว

MGR Online - บรรยากาศสีเทาในสามเหลี่ยมทองคำคุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดพบศพสาวจีนถูกฆ่าตายลอยตามแม่น้ำโขงไปไกลถึงเมืองปากทา กลุ่มดอกงิ้วคำถึงลงทุนสร้างคุกไว้ในเขตเศรษฐกิจพิเศษฯ ให้ตำรวจบ่อแก้วใช้ขังผู้ต้องหา แต่มีห้องขังเพียง 24 ห้อง

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา เจิง หยุยเถิง รองประธานคณะกรรมการบริหาร เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ได้จัดพิธีส่งมอบเรือนจำและค่ายดัดสันดานให้แก่กองบัญชาการป้องกันความสงบ (ปกส.) แขวงบ่อแก้ว โดยมี พ.อ.จันพอนเพ็ด คำสี รองหัวหน้า ปกส.บ่อแก้ว เป็นผู้รับมอบ

เรือนจำและค่ายดัดสันดานแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตบ้านม่วงคำ เมืองต้นผึ้ง ห่างจากย่านชุมชนในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำประมาณ 3 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 900 ตารางเมตร เป็นอาคารชั้นเดียว 5 หลัง แบ่งเป็น 30 ห้อง แต่เป็นห้องขังผู้กระทำผิด 24 ห้อง อีก 6 ห้องใช้เป็นสถานที่ทำงานของเจ้าหน้าที่

โครงการนี้ก่อสร้างโดยกลุ่มบริษัทดอกงิ้วคำ เจ้าของสัมปทานเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ใช้เงินลงทุนสร้างทั้งสิ้น 11,370 ล้านกีบ (ประมาณ 22.75 ล้านบาท) เริ่มลงมือสร้างเมื่อเดือนตุลาคม 2564 ใช้เวลาสร้าง 8 เดือนจึงแล้วเสร็จ

วัตถุประสงค์ที่กลุ่มบริษัทดอกงิ้วคำได้สร้างเรือนจำแห่งนี้ให้แก่ ปกส.บ่อแก้ว เพราะต้องการมีส่วนร่วมในการลดอาชญากรรม ป้องกันความสงบในแขวงบ่อแก้ว โดยเฉพาะภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เพื่อให้ทุกคนที่อาศัยหรือทำงานอยู่ในนี้ สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยความปลอดภัย




บริษัทดอกงิ้วคำ อยู่ในเครือคิงส์โรมัน กลุ่มธุรกิจกาสิโนจากจีน ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลลาวให้สร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำขึ้นบริเวณริมแม่น้ำโขง ในเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ตรงข้ามกับอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย และเมืองท่าขี้เหล็ก รัฐชานตะวันออก

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจหลักซึ่งเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมายังเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ คือกาสิโนกับแหล่งบันเทิงครบวงจร ภายในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำจึงแวดล้อมไปด้วยธุรกิจสีเทาอีกหลากหลายประเภทที่เกี่ยวเนื่องกับ 2 ธุรกิจดังกล่าว

นอกจากแรงงานชาวพม่านับหมื่นคนที่เข้ามาเป็นคนงานก่อสร้าง หรือทำงานให้บริษัทห้างร้านต่างๆ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งนี้แล้ว ยังมีคนอีกหลายเชื้อชาติ ทั้งชาวลาว ชาวไทย เวียดนาม รวมถึงคนจีนเองอีกหลายหมื่นคน ที่คอยหมุนเวียนทำงานอยู่ในวงจรธุรกิจสีเทาเหล่านี้

หลายเดือนมาแล้วที่เจ้าหน้าที่ ปกส. (ตำรวจ) เมืองต้นผึ้ง ได้ช่วยเด็กหนุ่มสาวชาวไทยซึ่งถูกหลอกให้ข้ามแม่น้ำโขงเข้าไปทำงานกับบ่อนการพนันออนไลน์ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้พื้นที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เป็นต้นทางโทรศัพท์ต้มตุ๋นหลอกลวงเงินจากเหยื่อคนไทย โดยตำรวจบ่อแก้วได้นำตัวเหยื่อผู้ถูกหลอกเหล่านี้ข้ามแม่น้ำโขงส่งมาให้ตำรวจไทยแล้วหลายรอบ

แต่เนื่องจากความกว้างใหญ่ของพื้นที่ โดยเฉพาะในโซนธุรกิจที่กว้างถึง 3,000 เฮกตาร์ (18,750 ไร่) เป็นแรงดึงดูดให้เหล่าธุรกิจสีเทา แก๊งอาชญากรรม และมาเฟียหลายกลุ่มจากประเทศจีนเดินทางมาเปิดเครือข่ายสาขาอยู่ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ รวมถึงในตัวเมืองท่าขี้เหล็กซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ทำให้สถิติอาชญากรรมในพื้นที่ทั้ง 2 แห่ง สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 2-3 ปีมานี้ และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นกว่านี้ไปอีก


ล่าสุด เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 15 มิถุนายน ก่อนพิธีส่งมอบเรือนจำและค่ายดัดสันดานเพียงวันเดียว หน่วยกู้ชีพ กาชาดแขวงบ่อแก้ว ได้รับแจ้งเหตุมีผู้พบศพถูกฆาตกรรม ลอยมาตามลำน้ำโขง และเกยชายฝั่งบริเวณบ้านโพนทอง เมืองปากทา ซึ่งอยู่ห่างจากเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำลงไปหลายสิบกิโลเมตร จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ

เจ้าหน้าที่ได้พบศพเพศหญิง 1 ราย ตรวจเอกสารประจำตัว ระบุว่าเป็นชาวจีน ชื่อเหลยหยิง อายุ 23 ปี ชาวเมืองปาจง มณฑลเสฉวน ระบุสถานที่ทำงานอยู่ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ

เจ้าหน้าที่ได้เก็บหลักฐานและนำศพส่งไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชันสูตร เสร็จแล้วนำศพส่งกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาในเขตเศรษฐกิจพิเศษ.