เอเอฟพี - อังกฤษเตือนคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า ชาวพม่าราวครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 54 ล้านคนของประเทศ อาจกลายเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า
อังกฤษเรียกประชุมเพื่อตอบสนองต่อสิ่งที่อังกฤษระบุว่า เป็นสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เลวร้ายในพม่า ซึ่งย่ำแย่ลงนับตั้งแต่ทหารยึดอำนาจในเดือน ก.พ.
อังกฤษยังเรียกร้องให้คณะมนตรีรับรองว่ามติ 2565 ที่เรียกร้องให้มีการหยุดยิงในพื้นที่ขัดแย้งเพื่อให้การจัดส่งวัคซีนป้องกันโควิด-19 มีความปลอดภัย ได้รับการเคารพในพม่า
พม่าตกอยู่ในสถานการณ์โกลาหลวุ่นวายนับตั้งแต่รัฐบาลทหารเข้ากุมอำนาจ ด้วยโรงพยาบาลหลายแห่งไม่พร้อมรับมือกับจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น หลังเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จำนวนมากผละงานประท้วงการรัฐประหาร
สหประชาชาติประเมินว่า มีสถานพยาบาลเหลือเพียง 40% ที่ยังสามารถดำเนินการได้ และยังประเมินว่ากองกำลังของรัฐบาลทหารได้ดำเนินการโจมตีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างน้อย 260 ครั้ง และควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์อย่างน้อย 67 คน
“จากการระบาดระลอกใหม่ที่แพร่กระจายราวไฟป่าไปทั่วประเทศ เป็นเรื่องโชคร้ายที่จะมีอีกหลายชีวิตต้องสูญเสียจากการที่ทหารพม่าใช้โควิดเป็นอาวุธสู้กับประชาชน” ซูซานนา หล่า หล่า โซ โฆษกรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ กล่าว
รัฐบาลทหารกำลังขอความช่วยเหลือจากมิตรประเทศเพื่อรับมือกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ สื่อของรัฐรายงานในสัปดาห์นี้
รายงานระบุว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ไม่ถึง 5,000 คน ในวันพุธ เพิ่มขึ้นจากราว 50 คนต่อวันในช่วงต้นเดือน พ.ค. แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตัวเลขที่แท้จริงสูงกว่านี้มาก
จนถึงขณะนี้มีประชาชนราว 1.75 ล้านคน ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ตามการระบุของรัฐบาลทหาร
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา วัคซีนซิโนฟาร์มที่ได้รับบริจาคจากจีนมาถึงประเทศ ตามการระบุของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่พวกเขาจะนำวัคซีนเหล่านี้ไปใช้กับผู้ที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนจีน-พม่าก่อน
นอกจากนี้ จีนยังจัดหาวัคซีนมากกว่า 10,000 โดส ให้กลุ่มติดอาวุธที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดนตอนใต้ของจีนในฝั่งพม่า ด้วยปักกิ่งพยายามที่จะยับยั้งการไหลบ่าของผู้ป่วยติดเชื้อจากฝั่งพม่า
รัฐบาลทหารระบุเมื่อต้นเดือนว่า ได้สั่งซื้อวัคซีนจากจีน 4 ล้านโดส และปักกิ่งจะบริจาคให้เพิ่มเติมอีก 2 ล้านโดส.
