รอยเตอร์ - เวียดนามจะขยายเวลาล็อกดาวน์นครโฮจิมินห์จนถึงวันที่ 1 ส.ค. กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามระบุวันนี้ (23) ในขณะที่ประเทศกำลังต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 ที่ท้าทายและคาดเดาไม่ได้มากที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศ
หลังประสบความสำเร็จในการควบคุมเชื้อไวรัสในการระบาด แต่เวลานี้เวียดนามกำลังเผชิญกับการระบาดที่ซับซ้อน โดยนครโฮจิมินห์และจังหวัดโดยรอบเป็นพื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด
“เนื่องจากสายพันธุ์เดลตาแพร่ได้เร็วและคาดเดาไม่ได้ เพื่อปกป้องประชาชนและลดการสูญเสียชีวิต ทางการนครโฮจิมินห์ได้ตัดสินใจที่จะเพิ่มมาตรการให้เข้มงวดขึ้นเพื่อควบคุมการระบาด” คณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ระบุในคำแถลง
กระทรวงสาธารณสุขรายงานอ้างคำกล่าวของรองประธานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ ว่า บริการที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการระหว่างการล็อกดาวน์จะถูกลดจำนวนลง ธนาคารและบริการหลักทรัพย์ในเมืองจะลดลงให้เหลือน้อยที่สุด และระงับโครงการก่อสร้างที่ไม่จำเป็น
มาตรการควบคุมในปัจจุบันที่มีผลมาตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค. ยังรวมถึงคำสั่งอยู่กับบ้าน ห้ามประชาชนรวมกลุ่มเกินกว่า 2 คน และระงับบริการขนส่งสาธารณะ นอกจากนี้ ทางการยังได้เริ่มฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงของการติดเชื้อโควิด-19 เป็นเวลา 1 สัปดาห์
นับตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย. ที่การระบาดระลอกปัจจุบันเริ่มต้นขึ้น เวียดนามได้กำหนดข้อจำกัดการเคลื่อนย้ายครอบคลุม 1 ใน 3 ของจังหวัดทั้งหมด 63 จังหวัดของประเทศ รวมทั้งกรุงฮานอย
กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 7,307 คนในวันศุกร์ (23) ทำให้จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันสะสมในประเทศรวมเป็น 81,678 คน และมีผู้เสียชีวิต 370 คน โดยนครโฮจิมินห์มีสัดส่วนของผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันราว 60% ของผู้ป่วยติดเชื้อทั้งหมด
เจ้าหน้าที่เมืองยังขอให้นายกรัฐมนตรีเพิ่มบุคลากรในพื้นที่เพื่อช่วยต่อสู้กับการระบาด ตามการระบุของกระทรวงสาธารณสุขในหน้าเพจเฟซบุ๊ก
เวียดนามที่พึ่งวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นหลัก กำลังพยายามเร่งโครงการการฉีดวัคซีน และในวันนี้ (23) ประเทศได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 1.2 ล้านโดส ที่นับเป็นการรับมอบวัคซีนล็อตใหญ่ที่สุดของการจัดซื้อจนถึงขณะนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศได้ฉีดวัคซีนไปเพียง 4.4 ล้านโดส และมีประชาชนไม่ถึง 335,000 คน ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม.