MGR Online - เขื่อนน้ำอู 1 ประกาศเตือนชาวหลวงพระบางระวังอันตราย เตรียมพร้อมอพยพ เพราะจะระบายน้ำจากเขื่อนลงสู่น้ำอูและไหลต่อลงแม่น้ำโขงวันนี้ ย้ำผู้ไม่เกี่ยวข้องให้อยู่ห่างแม่น้ำ ขนของขึ้นที่สูง ห้ามเดินเรือ หาปลา หวั่นตลิ่งถล่ม
เย็นวานนี้ (22 ก.ค.) บริษัทไฟฟ้าน้ำอู จำกัด โดยโครงการเขื่อนผลิตไฟฟ้าน้ำอู 1 ได้มีหนังสือแจ้งเตือนมายังหน่วยงานรัฐทุกแห่งในเมืองปากอู โดยมีรายละเอียดดังนี้
“เพื่อรับประกันความปลอดภัยทางด้านชีวิตและทรัพย์สิน รักษาสิทธิและผลประโยชน์ของประชาชนที่อาศัยอยู่ท้ายเขื่อนตามลำน้ำอู จึงขอแจ้งการให้ท่านรับทราบ และแจ้งต่อให้บรรดาภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และพ่อแม่ประชาชน
เขื่อนผลิตไฟฟ้าน้ำอู่ 1 มีแผนจะระบายน้ำในวันที่ 23 เดือนกรกฎาคม 2564 จึงขอเตือนให้ทราบเกี่ยวกับสิ่งที่ควรระวัง และเรื่องความปลอดภัยดังนี้
- เมื่อทางเขื่อนได้ปล่อยน้ำควรหยุดการเดินเรือ หาปลา ลากไม้ และสิ่งอื่นๆ ตามลำน้ำอู อย่างเด็ดขาด
- เมื่อเวลาเขื่อนปล่อยน้ำออก ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกรุณาอยู่ห่างจากแม่น้ำอู
- ฝ่ายปกครองของแต่ละบ้าน (หน่วยการปกครองเทียบเท่าตำบล) ต้องแจ้งการให้แต่ละครอบครัวมีสติ เฝ้าระวังน้ำท่วม พร้อมทั้งแนะนำ บอกสอนแก่เด็กน้อย ห้ามลงเล่นน้ำ และห้ามจับปลาเด็ดขาด
- ก่อนข้ามสะพาน ควรดูให้แน่ใจก่อนว่ามีความปลอดภัย ห้ามเข้าไปในพื้นที่หรือริมตลิ่ง ซึ่งดินอาจทรุดตัวหรือถล่มจนเกิดอันตรายอย่างเด็ดขาด
- ให้ขนย้ายทรัพย์สินขึ้นไปบนที่ปลอดภัย
- ถ้าหากมีสัญญาอันตราย ฝ่ายปกครองของแต่ละบ้านต้องแจ้งและอพยพประชาชนขึ้นไปบนพื้นที่สูง เมื่อเวลาเกิดน้ำท่วม กรุณาออกจากที่อยู่อาศัยของท่านอย่างรวดเร็ว เพื่ออพยพไปในที่ปลอดภัย เริ่มปฏิบัติการช่วยเหลือตัวเองในระหว่างที่รอความช่วยเหลือจากภายนอก”
เขื่อนผลิตไฟฟ้าน้ำอู 1 เป็น 1 ใน 7 เขื่อนซึ่งถูกสร้างอยู่ตามลำน้ำอู ที่บริษัท Sinohydro Corporation ของจีน ได้สัมปทานสร้างและดำเนินการจากรัฐบาลลาว ตั้งอยู่บ้านคอนคำ เมืองปากอู แขวงหลวงพระบาง เป็นเขื่อนในระบบน้ำล้น มีกำลังการผลิตติดตั้ง 120 เมกะวัตต์
หากเขื่อนน้ำอู 1 ระบายน้ำออกมา มวลน้ำจะไหลลงแม่น้ำโขง และไหลตรงลงไปยังตัวเมืองหลวงพระบาง และผ่านต่อเข้าสู่แขวงเวียงจันทน์
แม่น้ำอู ยาว 448 กิโลเมตร มีต้นน้ำอยู่บนเทือกเขาบริเวณชายแดนลาว-จีน ที่บ้านลานตุย เมืองยอดอู แขวงผ้งสาลี ไหลลงใต้ผ่านแขวงอุดมไซ ก่อนลงสู่แม่น้ำโขงที่เมืองปากอู ตอนเหนือของหลวงพระบาง
ตลอดลำน้ำอูทั้งในแขวงผ้งสาลีและหลวงพระบาง มีการสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าลักษณะขั้นบันได ไล่ตามระดับความสูงตั้งแต่บนลงล่าง 7 แห่ง กำลังการผลิตรวม 1,332 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนรวม 2,800 ล้านดอลลาร์ อายุสัมปทาน 29 ปี
โครงการแบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะแรก มีเขื่อนน้ำอู 2, 5 และ 6 กำลังการผลิตรวม 600 เมกะวัตต์ จากเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 7 เครื่อง เริ่มสร้างเมื่อเดือนตุลาคม 2555 สร้างเสร็จและเริ่มเดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหน่วยที่ 1 เมื่อปลายปี 2558 ที่เหลืออีก 6 หน่วย เริ่มเดือนเครื่องผลิตเมื่อปลายเดือนเมษายน 2559 ไฟฟ้าที่ผลิตได้ใช้ในภาคเหนือของลาวเป็นส่วนใหญ่ และมีบริษัทผลิต-ไฟฟ้าลาว มหาชน (EDL-Gen) ร่วมถือหุ้นใน 3 เขื่อนนี้ด้วยแห่งละ 15%
โครงการระยะที่ 2 คือ เขื่อนน้ำอู 1, 3, 4 และ 7 กำลังการผลิตรวม 732 เมกะวัตต์ เริ่มก่อสร้างในเดือนเมษายน 2559 เสร็จเมื่อปี 2562
เมื่อวานนี้ กรมอุตุนิยมและอุทกศาสตร์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของลาว ได้ออกหนังสือแจ้งเตือนฝนตกหนัก ตั้งแต่วันที่ 23-26 กรกฎาคม 2564 โดยระบุว่าพายุโซนร้อน “เจิมปากา” (Cempaka) กำลังเคลื่อนเข้าสู่ภาคเหนือด้านตะวันออกของเวียดนาม มุ่งสู่เกาะไห่หนาน ของจีน ซึ่งจะทำให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของลาว จึงให้ประชาชนทุกคนเพิ่มความระมัดระวัง และติดตามข่าวสารจากกรมอุตุนิยมและอุทกศาสตร์อย่างใกล้ชิด
ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ในภาคเหนือของลาวได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 18-21 กรกฎาคม ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในแขวงหลวงน้ำทา ทั้งในตัวเมืองหลวงน้ำทา เมืองเวียงพูคา และเมืองลอง
ระดับน้ำในแม่น้ำสำคัญ เช่น แม่น้ำมะและแม่น้ำลอง ในแขวงหลวงน้ำทาที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้เอ่อขึ้นไปท่วมไซต์งานก่อสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าน้ำลอง 2 ของบริษัทจุงเหียว ในตอนบ่ายวันที่ 21 กรกฎาคม สร้างความเสียหายแก่เครื่องจักรและอุปกรณ์ก่อสร้างหลายรายการ เช่น โรงบดหิน เครื่องเจาะหิน รถแบ็กโฮ รถบรรทุก รวมถึงถังกักเก็บน้ำมันขนาด 4,000 ลิตร ประเมินมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 5 แสนดอลลาร์สหรัฐ.
