รอยเตอร์ - ผู้พิพากษาในการพิจารณาคดีของอองซานซูจีได้ปฏิเสธคำร้องขอยกเลิกหลักฐานที่เป็นศูนย์กลางของการฟ้องร้องในคดีที่อาจทำให้ซูจีถูกจำคุกสูงสุด 2 ปี ฐานปลุกระดม ทีมทนายความของซูจีระบุ
ซูจี เจ้าของรางวัลโนเบลวัย 76 ปี ถูกควบคุมตัวตั้งแต่ทหารโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งของเธอเมื่อวันที่ 1 ก.พ. เธอถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดหลายอย่างตั้งแต่การรับสินบนและละเมิดมาตรการข้อจำกัดเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ไปจนถึงการครอบครองวิทยุสื่อสารอย่างผิดกฎหมาย และปลุกระดมให้ก่ออาชญากรรมต่อต้านรัฐ ข้อกล่าวหาที่ทนายความของเธอปฏิเสธ
ขิ่น หม่อง ซอ หัวหน้าทีมกฎหมายของซูจีกล่าวกับรอยเตอร์ว่า อัยการได้ยื่นหลักฐานที่เขาเชื่อว่าเป็นพยานหลักฐานที่ไม่สามารถรับเข้ามาใช้วินิจฉัยข้อเท็จจริงในคดีได้ แต่ผู้พิพากษายอมรับหลักฐานดังกล่าว
หลักฐานที่กล่าวถึงยังรวมถึงจดหมายที่อัยการระบุว่า ออกโดยพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของซูจีไม่กี่วันหลังการรัฐประหารที่ถูกแชร์กันอย่างกว้างขวางบนสื่อสังคมออนไลน์
จดหมายฉบับหนึ่งเรียกร้องให้สถานทูตต่างๆ ไม่ยอมรับรัฐบาลทหาร จากเอกสารหลายฉบับที่ ขิ่น หม่อง ซอ กล่าวว่า ทั้งซูจีและจำเลยร่วมของเธอ คือ ประธานาธิบดีวิน มี้น และเมียว อ่อง อดีตมุขมนตรีกรุงเนปีดอ ต่างไม่ได้ลงนาม
“ไม่มีการลงชื่อบนเอกสารดังกล่าว พวกเขาดึงเอกสารมาจากอินเทอร์เน็ต” ขิ่น หม่อง ซอ กล่าว
“พวกเขาไม่ได้ระบุว่าพวกเขานำเอกสารออกมาได้อย่างไร พวกเขาใช้เทคโนโลยีใดในการนำเอกสารออกมา พวกเขาเพียงแต่ยื่นไปที่ศาล นั่นเป็นเหตุผลที่เราคัดค้าน” ขิ่น หม่อง ซอ กล่าว
ประชาชนหลายร้อยคนถูกกองกำลังความมั่นคงสังหาร และหลายหมื่นคนต้องพลัดถิ่นจากการต่อสู้
มิน มิน โซ หนึ่งในทีมกฎหมายกล่าวกับนักข่าวว่า ซูจีได้เรียกร้องให้ประชาชนอยู่รวมกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน
ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวสปุตนิกของรัสเซียที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (28) พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำการรัฐประหารกล่าวว่า ชะตากรรมของซูจีไม่ได้อยู่ในมือของเขา
“ผมไม่ใช่ผู้พิพากษา ผมไม่สามารถบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมไม่สามารถออกคำสั่งได้ว่าจะทำอะไรกับเธอ ผู้พิพากษาจะดูแลเรื่องนั้นตามกฎหมาย และผู้พิพากษาจะตัดสินว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ ตามที่กฎหมายกำหนด” พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ระบุ.