รอยเตอร์ - กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามกล่าววันนี้ (2) ว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ตรวจพบเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อแล้ว 301 คน และแพร่กระจายไปยัง 10 จังหวัดและนครต่างๆ มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์อังกฤษกลายพันธุ์ ที่สามารถแพร่กระจายได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์เดิม
“สายพันธุ์ใหม่กำลังแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว และเราต้องเร็วกว่า” หวู ดึ๊ก ดาม รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะทำงานเฉพาะกิจด้านโควิด-19 กล่าวในที่ประชุมรัฐบาล
“เราไม่ควรกังวลเรื่องตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อที่พุ่งสูง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการติดตามผู้สัมผัส เราต้องเฝ้าระวัง แต่ไม่ต้องตื่นตระหนก” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
เป็นเวลา 6 วัน นับตั้งแต่การระบาดปรากฏขึ้นอีกครั้งใน จ.หายเซวือง ทางภาคเหนือของประเทศ เหวียน แถ่ง ลอง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขระบุในคำแถลงว่า การติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว แต่การควบคุมเชื้อไวรัสในกรุงฮานอย ที่พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 20 คน จะใช้เวลานานกว่า
“จากการวิเคราะห์ลำดับสารพันธุกรรมพบว่าผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 12 ใน 276 คน เป็นเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์อังกฤษ แต่อย่างไรก็ตามยังคงไม่ทราบแหล่งที่มาของการระบาดครั้งนี้” เหวียน แถ่ง ลอง กล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
“เราจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบการสวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด” รัฐมนตรีสาธารณสุข กล่าว
จากการดำเนินมาตรการตรวจหาเชื้อเชิงรุกในคนจำนวนมากและการกักโรคอย่างเข้มงวด ทำให้เวียดนามสามารถรักษาจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อสะสมในประเทศอยู่ที่ 1,882 คน และมีผู้เสียชีวิต 35 คน ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมจากทั่วโลกสำหรับการเป็นหนึ่งในประเทศที่ตอบสนองการแพร่ระบาดที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด
“ฮานอยต้องเพิ่มมาตรการสกัดกั้นเชื้อไวรัส กระทรวงสาธารณสุขจะสนับสนุนฮานอยในการยกระดับขีดความสามารถในการตรวจหาเชื้อเป็น 40,000 ครั้งต่อวัน” เหวียน แถ่ง ลอง กล่าว
กรุงฮานอยได้เก็บตัวอย่างจากประชาชนแล้ว 15,000 ตัวอย่าง นับตั้งแต่เกิดการระบาดครั้งล่าสุด และเวลานี้ขีดความสามารถในการตรวจอยู่ที่ 5,000 ครั้งต่อวัน เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานสาธารณสุขของกรุงฮานอย กล่าว
เวียดนามอนุมัติรับรองวัคซีนจากบริษัทแอสตราเซเนกาเมื่อวันเสาร์ (30) หลังนายกรัฐมนตรีเหวียน ซวน ฟุ้ก กล่าวว่า ประเทศต้องมีวัคซีนภายในไตรมาสแรก และก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้กล่าวว่ากำลังการเจรจาจัดหาวัคซีนจำนวน 30 ล้านโดส โดยสื่อของรัฐรายงานว่าวัคซีนชุดแรกจำนวน 50,000 โดส จะมาถึงในเดือน มี.ค. และส่วนที่เหลือจะส่งมอบภายในเดือน มิ.ย.