xs
xsm
sm
md
lg

เวียดนามอ่วมหนัก น้ำท่วมทำดับอย่างน้อย 36 คน ดินถล่มโรงไฟฟ้าซ้ำทำสูญหายอีก 30

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเอฟพี - เวียดนามเริ่มปฏิบัติการค้นหาทีมกู้ภัยที่สูญหายจากเหตุดินถล่มในเขตโรงไฟฟ้า ในขณะที่พื้นที่ภาคกลางของประเทศกำลังเผชิญต่อสถานการณ์น้ำท่วมรุนแรง และคาดว่าจะมีฝนตกเพิ่มขึ้นอีกในช่วงไม่กี่วันข้างหน้านี้

สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) รายงานว่า มีประชาชนเกือบ 1 ล้านคน ได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักและน้ำท่วมที่สูงขึ้นตั้งแต่กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีบ้านเรือนราษฎรถูกน้ำท่วมไปแล้วมากกว่า 200,000 หลัง

หน่วยงานการจัดการภัยพิบัติของเวียดนามระบุว่า มีประชาชนเสียชีวิต 36 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เริ่มดำเนินการออกค้นหาผู้สูญหายราว 30 คน ที่โรงไฟฟ้าใน จ.เถื่อเทียนเว้ หลังเกิดเหตุดินถล่มในพื้นที่

ผู้สูญหายดังกล่าวยังรวมถึงทีมเจ้าหน้าที่และทหารที่พยายามจะค้นหาคนงานในโรงไฟฟ้าที่หายตัวไปเมื่อหลายวันก่อน

ภาพถ่ายที่ปรากฏในสื่อของทางการเผยให้เห็นเฮลิคอปเตอร์ และทหารหลายร้อยคนพยายามเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุซึ่งเต็มไปด้วยโคลนหนาและต้นไม้โค่นล้ม

ส่วนพื้นที่อื่นๆ ในภาคกลาง หมู่บ้านและนาข้าวจมอยู่ใต้น้ำได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ใช้เรือและแคนูพายเข้าไปจัดส่งอาหารและน้ำดื่มให้แก่คนที่ติดอยู่ในบ้านที่ถูกน้ำท่วม

สำหรับพื้นที่ภาคกลางตอนเหนือของประเทศกำลังเผชิญต่อสภาพอากาศแปรปรวนในวันนี้ เนื่องจากพายุนังกาขึ้นฝั่งในบริเวณดังกล่าว

พยากรณ์อากาศระบุว่า อิทธิพลของพายุจะทำให้มีฝนตกหนักเพิ่มขึ้นอีกในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า และเตือนถึงพายุอีกลูกหนึ่งที่จะก่อตัวและส่งผลกระทบในช่วงสุดสัปดาห์นี้

IFRC ระบุว่า มีความวิตกกังวลอย่างมากว่าฝนที่ตกเพิ่มขึ้นจะยิ่งทำให้น้ำท่วมรุนแรงขึ้นและซ้ำเติมชุมชนที่เผชิญต่อสถานการณ์ที่ยากลำบากอยู่แล้ว

“น้ำท่วมเหล่าเป็นการซ้ำเติมความทุกข์ยากต่อผู้คนนับล้านที่กำลังเผชิญต่อความยากลำบากอยู่แล้วจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจากโควิด-19 ที่ทำให้สูญเสียรายได้และการดำรงชีวิต” IFRC ระบุ

เวียดนามมีแนวโน้มที่จะเผชิญต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ และมักได้รับผลกระทบจากพายุมากกว่า 10 ลูกในแต่ละปี ที่ทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มอยู่เป็นประจำ.

รองนายกรัฐมนตรีจีง ดิ่ง ยวุ๋ง (กลาง) นำทีมกู้ภัยเข้าค้นหาผู้สูญหายบริเวณจุดเกิดเหตุดินถล่มใกล้เขื่อนไฟฟ้าในจ.เถื่อเทียนเว้ วันที่ 13 ต.ค.-- Reuters.




กำลังโหลดความคิดเห็น