รอยเตอร์ - ด้วยจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในพม่ายังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้อาสาสมัครที่เข้ามาช่วยเหลือดูแลผู้ต้องสงสัยติดเชื้อที่ศูนย์กักตัวและโรงพยาบาลต่างๆ ทำงานกันแทบไม่ได้หยุดมือ
“สถานการณ์ไม่สู้ดี ทั้งรถพยาบาลและทีมงานของเราทำงานกันจนไม่มีเวลาหยุดพัก” จี มี้น อายุ 66 ปี ผู้นำกลุ่มอาสาสมัครในเมืองยานกิน หนึ่งในพื้นที่ที่พบการระบาดของโรคหนักที่สุดในเขตย่างกุ้ง กล่าว
อาสาสมัครหลายพันคนของพม่าเป็นองค์ประกอบสำคัญของการรับมือการระบาดของโควิด-19 ในประเทศ ที่มีระบบดูแลสุขภาพอ่อนแอที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
พม่าดูเหมือนจะเลี่ยงการระบาดเลวร้ายไปได้ เนื่องจากมีเพียงผู้เสียชีวิตแค่ 7 คนเมื่อเดือนที่ผ่านมา แต่จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อพุ่งพรวดขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำให้ตอนนี้มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รวมทั้งสิ้น 371 คน และมีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมมากกว่า 16,500 คน ซึ่งตามข้อมูลของรอยเตอร์ พบว่า ยอดผู้เสียชีวิตของพม่าเพิ่มขึ้น 2 เท่า ในระยะเวลาเพียง 7.8 วัน
ประชาชนมากกว่า 45,000 คน ที่รวมทั้งผู้ป่วยโควิด-19 ผู้ที่ยังไม่ได้รับการตรวจเชื้อ ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ และคนงานที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ กำลังพักอาศัยอยู่ในสถานที่ต่างๆ ตั้งแต่โรงเรียน วัดวาอาราม ไปจนถึงอาคารสำนักงานรัฐ และหอพัก สถานที่เหล่านี้ส่วนใหญ่ดำเนินการโดยอาสาสมัครที่โดยทั่วไปแล้วไม่ได้รับค่าตอบแทน
“ถ้าไม่มีอาสาสมัคร ผมไม่คิดว่าเราจะรอดชีวิต” เอ ผู้ติดเชื้อที่เพิ่งมีอาการดีขึ้น กล่าว
กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอความเห็นเกี่ยวกับการระบาดและบทบาทของอาสาสมัคร
“ผมได้นอนพักแค่ 1-2 ชั่วโมง แต่ผมมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือ ตอนแรกผมกลัวว่าจะติดเชื้อแต่ตอนนี้ไม่กลัวแล้ว” ซาร์ นี อาสาสมัคร กล่าว
พม่าประกาศล็อกดาวน์พื้นที่เป็นวงกว้างในความพยายามที่จะสกัดยับยั้งไวรัสไม่ให้แพร่กระจาย และอาสาสมัครต้องแยกตัวเองจากครอบครัวเมื่อพวกเขาเริ่มต้นทำงาน เช่นเดียวกับ จี มี้น ที่ต้องพักอยู่กับทีมอาสาสมัครอีก 15 คน ในวัดแห่งหนึ่ง
“นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งหดหู่ เราต้องช่วยกันให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้” จี มี้น กล่าว.