เอพี - พม่าออกคำสั่งระงับเที่ยวบินภายในประเทศทั้งหมด และห้ามเดินทางออกจากนครย่างกุ้ง เมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ ในวันนี้ (11) นับเป็นมาตรการที่เข้มงวดที่สุด จนถึงตอนนี้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในประเทศ
ทั้ง 2 มาตรการถูกประกาศเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนมีผลบังคับใช้และจะดำเนินไปจนถึงวันที่ 1 ต.ค.
พม่าดูเหมือนจะรอดพ้นจากการระบาดหนัก จนกระทั่งพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงเดือน ส.ค.ที่รัฐยะไข่ และจากนั้นโรคได้แพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของประเทศ
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้สั่งล็อกดาวน์พื้นที่บางส่วนใน 29 เมือง จากทั้งหมด 44 เมืองของเขตย่างกุ้ง และตั้งเครื่องกีดขวางเพื่อปิดพื้นที่และถนนสายเล็กๆ แต่ยังเปิดใช้งานถนนเส้นหลัก ด้วยนครย่างกุ้งเป็นศูนย์กลางการขนส่ง
“บางคนอาจคิดว่ามาตรการเหล่านี้เข้มงวดเกินไป แต่อย่างไรก็ตาม หากเราทุกคนปฏิบัติตามข้อจำกัดอย่างเคร่งครัดไปอีก 2-3 สัปดาห์ เราก็จะสามารถไปถึงสถานการณ์ที่โรคนี้อยู่ภายใต้การควบคุมได้” อองซานซูจี กล่าว
กระทรวงสาธารณสุขประกาศว่า พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 115 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศอยู่ที่ 2,265 คน รวมทั้งมีผู้เสียชีวิตรวม 14 คน โดยรัฐบาลเขตย่างกุ้ง กล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อในเขตย่างกุ้งนับตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. จนถึงวันอังคาร (8) มีจำนวนทั้งสิ้น 656 คน
คำสั่ง ‘อยู่กับบ้าน’ ถูกประกาศใช้ในบางพื้นที่ของเขตย่างกุ้งในเดือนนี้ แต่ที่รัฐยะไข่มีประกาศใช้ทั้งรัฐตั้งแต่เดือน ส.ค.
ในส่วนของการรณรงค์หาเสียงก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 8 พ.ย. คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศห้ามรณรงค์หาเสียงในพื้นที่ล็อกดาวน์
นอกจากนี้ ทางการยังสั่งระงับเที่ยวบินภายในประเทศทั้งหมด ในความพยายามที่จะติดตามผู้ที่เดินทางออกจากรัฐยะไข่ ตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค. ซึ่งมีจำนวนหลายพันคน แต่มีผู้เดินทางเพียงครึ่งเดียวที่เข้ารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่
ในการกล่าวแถลงเมื่อวันพฤหัสฯ (10) ซูจียังเตือนถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ โดยชี้ว่า อัตราการติดเชื้อและการเสียชีวิตเร็วกว่าในช่วงเดือน มี.ค.และ เม.ย. ที่พม่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นครั้งแรก
“อีกสิ่งที่สังเกตเห็นได้ คือ ในบรรดาผู้ติดเชื้อ บางคนเป็นวัยรุ่น นั่นเป็นเหตุผลที่เราควรเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าโควิดไม่มีการแบ่งแยก ไม่ว่าเด็กหรือแก่ ไม่ว่าจะมีปัญหาสุขภาพหรือไม่มีก็ตาม” ซูจี กล่าว.