เอพี - นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสัตว์ในกัมพูชาออกมาเปิดเผยเรื่องราวความสำเร็จเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ของพวกเขา ในความพยายามที่จะยุติการค้าเนื้อสุนัข หลังโน้มน้าวให้โรงฆ่าสัตว์ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งล้มเลิกธุรกิจดังกล่าว
ในสัปดาห์นี้ บุธ พิธ และภรรยาของเขาได้ตัดสินใจปิดโรงฆ่าสัตว์ขนาดเล็กที่พวกเขาดำเนินการมานานราว 7 ปี หลังกลุ่มปกป้องคุ้มครองสัตว์ตกลงที่จะให้พวกเขาเปลี่ยนวิธีหาเลี้ยงชีพด้วยการสร้างร้านสะดวกซื้อขนาดเล็กให้พวกเขาแทน
นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสัตว์นำสุนัข 15 ตัว ที่ถูกขังกรงในโรงฆ่าสัตว์ไปยังศูนย์พักพิงสัตว์ในกรุงพนมเปญเพื่อฟื้นฟู หลังจากนั้น พวกมันจะถูกประกาศหาผู้รับเลี้ยงทั้งภายในกัมพูชาและต่างประเทศ
การปิดโรงฆ่าสัตว์ในหมู่บ้าน Chi Meakh จ.กำปงธม เมื่อวันพุธ (5) เกิดขึ้นหลังความสำเร็จครั้งใหญ่ใน จ.เสียมราฐ ปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศ ที่เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ได้ประกาศห้ามซื้อ ขาย และชำแหละสุนัขเพื่อเป็นอาหาร
แต่หนทางการยุติการค้าเนื้อสุนัขยังคงยาวไกล ด้วยเนื้อสุนัขยังเป็นที่นิยมในหลายครัวเรือนในเวียดนาม และแม้ว่าการกินเนื้อสุนัขจะไม่ได้เป็นที่แพร่หลายในกัมพูชา ด้วยคนเฒ่าคนแก่มองว่าจะนำโชคร้ายมาให้ แต่ในช่วงหลายปีมานี้ การกินเนื้อสุนัขกลับได้รับความนิยมมากขึ้น
รายงานของกลุ่ม Four Paws International ในออสเตรีย และ Animal Rescue Cambodia ระบุว่า มีสุนัขถูกฆ่าเพื่อเอาเนื้อประมาณ 2-3 ล้านตัวต่อปีในกัมพูชา
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นแค่เพียงการฆ่าสุนัขอย่างไร้มนุษยธรรมเท่านั้น แต่การกินเนื้อพวกมันยังมีความเสี่ยงต่อสุขภาพที่สามารถแพร่เชื้อพิษสุนัขบ้าได้ และยังกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอีกด้วย
แคทเธอรีน โพลัค หัวหน้าฝ่ายดูแลสัตว์จรจัดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Four Paws กล่าวว่า รัฐบาลกัมพูชาทั้งในระดับชาติและระดับจังหวัดให้ความสนใจกับปัญหาเนื้อสุนัข เพราะพวกเขาไม่เห็นว่าสิ่งนี้เป็นวัฒนธรรมเขมร พวกเขามองว่าเรื่องนี้เป็นการนำเข้ามาจากเวียดนามในแง่ของความพึงพอใจด้านอาหาร และสุนัขมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาสันติภาพของชาติ และการตรวจหาทุ่นระเบิด
บุธ พิธ คนขายเนื้อสุนัขอายุ 38 ปี อธิบายถึงเหตุผลที่เขาเข้ามาในธุรกิจค้าเนื้อสุนัข
“ก่อนนี้ผมขายปลาน้ำจืด แต่พอเห็นคนอื่นในหมู่บ้านฆ่าสุนัขแล้วมีรายได้มากขึ้น ผมเลยเปลี่ยนอาชีพมาเริ่มชำแหละเนื้อสุนัขขายแทน” บุธ พิธ กล่าว
เขาไม่รู้ว่าเขาฆ่าสุนัขไปมากน้อยเพียงใด แต่กล่าวว่า มักฆ่าสุนัข 5-8 ตัวต่อวัน
ส่วนภรรยาของเขากล่าวว่า เธอไม่เคยสบายใจกับธุรกิจนี้แต่เป็นความจำเป็นเพราะต้องเลี้ยงดูครอบครัวและลูกอีก 2 คน
เธอกล่าวว่า ชาวบ้านหลายคนต่อว่าเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงหมาร้องโหยหวนก่อนพวกมันตาย และพ่อแม่ของเธอบอกเธอว่า พวกเขาควรหยุดฆ่า เพราะมันจะนำโชคร้ายมาให้ จากความเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิด ที่ชาติหน้าพวกเขาจะโชคร้าย
รวน วาสนา ชาวบ้านอีกรายกล่าวว่า เขากินเนื้อสุนัขเป็นบางครั้งเมื่อตอนยังเด็ก แต่เริ่มกินจนติดเป็นนิสัยหลังมีโรงฆ่าสัตว์มาเปิดในพื้นที่ กินมื้อกลางวันบ้างมื้อเย็นบ้าง และระหว่างนั่งดื่มกับเพื่อนกับกิน
พรุม เนียน ที่เปิดร้านอาหาร กล่าวว่า หากไม่ได้เงินจากการขายเนื้อสุนัข คงเป็นเรื่องยากที่จะหาเงินจ่ายค่ายาให้แก่แม่วัย 80 ปีของเขา
เธอกล่าวว่า เธอเปิดร้านเมื่อ 1 ปีก่อน และเริ่มต้นด้วยการขายสินค้าอยู่ไม่กี่อย่าง เช่น น้ำอัดลม เบียร์ และไข่ แต่เมื่อเธอนำเนื้อสุนัขมาเป็นเมนูอาหารด้วยก็ได้รับความนิยมจากลูกค้า ที่เธอสามารถขายเนื้อสุนัขได้มากถึง 4 ตัวต่อวัน
“ราคาเนื้อหมู เนื้อวัว แพงมากและขายได้ไม่ดี ทำให้รายได้ลดลง แต่เนื้อหมาถูกกว่ามากและคนก็ชอบกิน” พรุม เนียน กล่าว
ภรรยาของบุธ พิธ กล่าวว่า สิ่งที่เธอได้รับหลังจากเลิกขายเนื้อสุนัขมีค่ามากกว่าเงินที่ได้เสียอีกเพราะหลังจากเปิดร้านสะดวกซื้อ ชาวบ้านก็จะไม่ดูถูกครอบครัวของเธออีก และพวกเขาก็จะไม่ต้องรู้สึกผิดบาปจากการฆ่าสัตว์อีกต่อไป.