รอยเตอร์ - กัมพูชากำลังเผชิญกับสถานการณ์การค้ามนุษย์ระลอกใหม่เมื่อบรรดาคนงานที่สิ้นหวังกำลังใช้วิธีผิดกฎหมายในการข้ามแดน เพื่อหางานทำในไทย เนื่องจากด่านชายแดนยังห้ามคนเข้าออกเพราะการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ชาวเขมรราว 90,000 คน เดินทางกลับบ้านเกิดจากไทยก่อนประกาศปิดด่านชายแดนห้ามคนเข้าออกในเดือน มี.ค. เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และพวกลักลอบค้ามนุษย์กำลังช่วยชาวเขมรเหล่านี้หาทางกลับเข้าไปหางานทำ จัว บุน เอง หัวหน้าหน่วยต่อต้านการค้ามนุษย์ของรัฐบาลกัมพูชา กล่าว
“ผู้ที่ข้ามพรมแดนกำลังทำผิดกฎหมาย แต่พวกค้ามนุษย์ที่สมรู้ร่วมคิดกับบริษัทเอกชนในไทยทำผิดยิ่งกว่า” จัว บุน เอง กล่าวกับนักข่าว
ซาร์ เค็ง รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารที่ประจำการอยู่ใกล้ชายแดนกำลังเฝ้าระวังอย่างเต็มที่
คาดว่ามีชาวเขมรมากกว่า 2 ล้านคน ที่ประมาณครึ่งหนึ่งไม่มีเอกสารรับรองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย กำลังทำงานอยู่ในไทย โดยส่วนใหญ่อยู่ในภาคเกษตรกรรม ประมง และการผลิต ที่เต็มไปด้วยรายงานเกี่ยวกับการใช้แรงงานทาสและการละเมิดสิทธิแรงงาน
เนื่องจากด่านพรมแดนยังไม่เปิดให้คนเข้าออกและการรับสมัครงานตามปกติยังไม่เปิดดำเนินการ ‘นายหน้าท้องถิ่น’ กำลังหาประโยชน์จากกลุ่มคนเหล่านี้ที่กำลังดิ้นรนจากปัญหาหนี้สินและเริ่มอับจนหนทางมากยิ่งขึ้น กลุ่มสิทธิมนุษยชน กล่าว
“พวกนายหน้ารู้ช่องทางผิดกฎหมาย พวกเขามีเครือข่ายทั้งสองฝั่งชายแดน นี่เป็นโอกาสทองของพวกเขา” เจ้าหน้าที่จากศูนย์พันธมิตรแรงงานและสิทธิมนุษยชน ระบุ
“บางครั้งพวกเขามีงานให้ บางครั้งก็ไม่มี ไม่ว่าทางใดก็ตาม ไม่ช้าแรงงานต่างด้าวที่ก้าวข้ามเขตแดนโดยไม่มีเอกสารรับรองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พวกเขาก็ได้กลายเป็นบุคคลที่มีความเปราะบางโดยสมบูรณ์” เจ้าหน้าที่จากศูนย์พันธมิตรแรงงาน กล่าว
และเมื่อแรงงานเขมรอยู่ในไทย พวกเขาก็อาจถูกเอาเปรียบจากทั้งนายหน้าและนายจ้างที่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่สูงมากสำหรับการเดินทาง เอกสาร และการหาตำแหน่งงาน จนหลายคนติดอยู่ในกับดักหนี้สิน
ผู้ว่าราชการจังหวัดพระตะบองที่มีพรมแดนติดกับไทย กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ทางการสามารถจับกุมชาวเขมร 2 คนที่เป็นผู้บงการการค้ามนุษย์ และบรรดาผู้ที่ลอบข้ามแดนผิดกฎหมายนั้น พวกเขากำลังตอบสนองต่อความต้องการแรงงานอย่างเร่งด่วนของฟาร์มในฝั่งไทย
เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานการโยกย้ายถิ่นฐานของสหประชาชาติในกัมพูชา ระบุว่า ความจำเป็นเรื่องการจัดการหนี้สินก้อนใหญ่เป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ชาวเขมรเข้าสู่การโยกย้ายอย่างไม่ปลอดภัยนี้ หนี้สินจากการกู้เงินโดยเฉลี่ยของกัมพูชาอยู่ที่ประมาณ 3,800 ดอลลาร์ต่อผู้กู้ นับว่าสูงที่สุดในโลก และมากกว่ารายได้เฉลี่ยต่อปีถึง 2 เท่า
กัมพูชาจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ถึง 229 คนในปี 2562 ตามการระบุของหน่วยงานต่อต้านการค้ามนุษย์ของรัฐบาล เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 224 คนในปีก่อนหน้า ในช่วงเวลาเดียวกัน มี 456 คน เป็นอิสระจากการตกเป็นทาสในกัมพูชา เพิ่มขึ้นจาก 230 คน ขณะที่ 290 คน ได้รับการช่วยเหลือจากต่างประเทศ ที่ส่วนใหญ่ถูกบังคับแต่งงานในจีน
กัมพูชาถูกปรับลดอันดับให้อยู่ในระดับต่ำสุดเมื่อปีที่ผ่านมาในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ของสหรัฐฯ ซึ่งหมายความว่ากัมพูชาต้องแสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงหรือเผชิญต่อมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ.