รอยเตอร์/ซินหวา - สภากัมพูชาผ่านร่างกฎหมายว่าด้วยการปกครองประเทศในภาวะฉุกเฉิน วันนี้ (10) เพื่อปูทางไปสู่การประกาศภาวะฉุกเฉิน ที่นายกรัฐมนตรีฮุนเซน กล่าวว่า เขาอาจต้องประกาศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้มาตรการต่างๆ ในการต่อสู้กับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 115 คน รวมทั้งนายกรัฐมนตรีฮุนเซน มีมติรับรองร่างกฎหมายอย่างเป็นเอกฉันท์ โดยในถ้อยแถลงต่อรัฐสภา ฮุนเซน กล่าวว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้มีขึ้นตามมาตรา 22 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่า “เมื่อประเทศเผชิญกับภยันตราย พระมหากษัตริย์จะลงตราประกาศภาวะฉุกเฉินหลังทำข้อตกลงกับนายกรัฐมนตรี ประธานสภาแห่งชาติ และประธานวุฒิสภา”
“ภาวะฉุกเฉินจะประกาศขึ้นต่อเมื่อประเทศเผชิญกับอันตราย เช่น สงคราม หรือการรุกรานจากต่างชาติ ปัญหาสุขภาพของประชาชนจากการระบาดใหญ่ ความโกลาหลรุนแรงต่อความมั่นคงของชาติและความสงบเรียบร้อยของประชาชน และเหตุภัยพิบัติร้ายแรง” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ระบุ
ผู้นำเขมรกล่าวว่า มาตรา 22 ของรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดมาตรการในการปกครองประเทศหลังกษัตริย์ประกาศภาวะฉุกเฉิน ดังนั้น ร่างกฎหมายจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะให้อำนาจรัฐบาลในการดำเนินมาตรการจำเป็นทั้งหมดเพื่อปกครองประเทศในภาวะฉุกเฉิน
“ร่างกฎหมายมีเป้าหมายที่จะปกป้องคุ้มครองความมั่นคงของชาติและความสงบเรียบร้อยของประชาชน ชีวิตและสุขภาพของประชาชน ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อม” ฮุนเซน กล่าว
ร่างกฎหมายฉบับนี้ระบุถึงมาตรการจำนวนหนึ่งที่รวมถึงการห้ามหรือข้อจำกัดเสรีภาพในการเคลื่อนไหว สิทธิในเสรีภาพของการชุมนุมของประชาชนและการทำงานหรืออาชีพ นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้รัฐบาลล็อกดาวน์พื้นที่สาธารณะหรือพื้นที่เอกชนเพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ
ร่างกฎหมายยังระบุถึงบทลงโทษสำหรับผู้ละเมิด เช่น การกระทำที่เจตนาขัดขวางหรือเป็นอุปสรรคต่อปฏิบัติการตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉินจะมีโทษจำคุก 1-5 ปี และปรับเงิน 250-1,250 ดอลลาร์ และการกระทำที่จงใจเพิกเฉยต่อมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลกำหนดไว้มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 เดือนถึง 1 ปี และปรับเงิน 25-250 ดอลลาร์ เป็นต้น
ด้านกลุ่มสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ภาวะฉุกเฉินจะให้อำนาจแก่ฮุนเซน ที่ชาติตะวันตกตำหนิประณามมายาวนานถึงการปราบปรามฝ่ายตรงข้าม กลุ่มสิทธิมนุษยชนและสื่อ และภายใต้ภาวะฉุกเฉินนี้ กฎหมายจะอนุญาตให้รัฐบาลตรวจสอบการสื่อสาร ควบคุมสื่อและสื่อสังคมออนไลน์ ห้ามหรือจำกัดการเผยแพร่ข้อมูลที่อาจสร้างความหวาดกลัวหรือความไม่สงบในหมู่ประชาชน หรืออาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายฉบับนี้จำเป็นต้องผ่านการตรวจสอบจากวุฒิสภาก่อนนำขึ้นทูลเกล้าต่อพระมหากษัตริย์เพื่อประกาศใช้
โฆษกกระทรวงยุติธรรมกล่าวว่า วัตถุประสงค์ของร่างกฎหมายฉบับนี้สำหรับกัมพูชาไม่แตกต่างแปลกแยกแต่อย่างใด กฎหมายเช่นนี้มีอยู่ในประเทศประชาธิปไตยอื่นๆ อีกมากมาย
ด้านกลุ่มสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้มีบทบัญญัติที่ค่อนข้างกว้างและคลุมเครือ ที่อาจละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานและอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดกับนักวิจารณ์
แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอทช์ภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่า กัมพูชาควรผ่านกฎหมายเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน ไม่ใช่การใช้ไวรัสโควิด-19 มาเป็นข้ออ้างในการขยายอำนาจของรัฐบาล
“รัฐบาลกัมพูชากำลังใช้การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นข้ออ้างเพื่อยืนยันอำนาจเบ็ดเสร็จในทุกแง่มุมของชีวิตทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง โดยไม่มีจำกัดเวลาหรือตรวจสอบการใช้อำนาจในทางที่ผิด” อดัมส์ระบุในคำแถลง
สำหรับสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในกัมพูชา กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่ม 1 คนวันนี้ (10) ทำให้ยอดรวมผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศอยู่ที่ 119 คน.