พม่ายกฟ้องโรฮิงญาปล่อยตัวพ้นคุกกลับยะไข่ หวั่นโควิดระบาดเรือนจำ

เอเอฟพี - พม่ายกฟ้องคดีต่อชาวมุสลิมโรฮิงญาจำนวนมากที่ถูกควบคุมตัวหลังหลบหนีออกจากรัฐยะไข่ เนื่องจากความหวาดวิตกว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 อาจระบาดในเรือนจำที่แออัดยัดเยียดของประเทศ

การปราบปรามของทหารในปี 2560 บังคับให้ชาวโรฮิงญากว่า 750,000 คน ต้องอพยพหลบหนีไปบังกลาเทศ ที่พวกเขาต้องอาศัยอยู่ตามค่ายผู้ลี้ภัยในเมืองต่างๆ ส่วนผู้ที่ยังอยู่ในรัฐยะไข่ ก็มีชีวิตอยู่ภายใต้ข้อจำกัดที่เข้มงวด เข้าถึงการศึกษาและการดูแลสุขภาพได้ไม่มากนัก และไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างเสรีในสภาพที่องค์การนิรโทษกรรมสากล ระบุว่า เป็นการเลือกปฏิบัติ

ในช่วงหลายเดือนมานี้ มีโรฮิงญาหลายร้อยคนถูกจับกุมและถูกควบคุมตัวในเรือนจำด้วยข้อหาละเมิดกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ความผิดที่มีโทษจำคุกสูงสุด 2 ปี และในวันพุธ (8) ศาลได้ยกฟ้องคดีที่ฟ้องร้องต่อกลุ่มชาวโรฮิงญาที่ถูกจับกุมรวมกว่า 128 คน

“ข้อหาที่ตั้งขึ้นกับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ถูกยกฟ้อง และพวกเขาได้รับการปล่อยตัว” ผู้พิพากษา กล่าว

นักข่าวของเอเอฟพียืนยันว่า มีรถโดยสาร 4 คัน พาโรฮิงญาออกจากคุกเมืองพะสิมไปย่างกุ้งในเช้าวันพฤหัสฯ (9)

นักเคลื่อนไหวชาวโรฮิงญาที่ไม่เปิดเผยชื่อรายหนึ่ง กล่าวว่า มีโรฮิงญาจำนวนมากจะได้รับการปล่อยตัวจากศาลอื่นๆ และส่งกลับไปที่รัฐยะไข่

“โรฮิงญารวม 250 คน จะถูกส่งกลับในวันเสาร์นี้” นักเคลื่อนไหวโรฮิงญา กล่าว

อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าโรฮิงญาเหล่านี้จะถูกนำตัวไปที่ใดในรัฐยะไข่ และเจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้เหตุผลถึงการปล่อยตัวอย่างกะทันหันครั้งนี้

ท่ามกลางความกลัวเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ลามไปทั่วประเทศ นำไปสู่การเรียกร้องให้นักโทษที่มีความเสี่ยงต่ำต่อการกระทำความผิดได้รับการปล่อยตัวออกจากสิ่งที่ฮิวแมนไรท์วอทช์ ระบุว่า เป็น ‘คุกที่แออัดและไม่ถูกสุขอนามัยอย่างร้ายแรง’ หลังองค์การอนามัยโลกเตือนว่าประชากรในเรือนจำมีความเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการระบาดใหญ่.