MGR ออนไลน์ -- พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ได้นำคณะเดินทางไปเยือนสันถวไมตรีกัมพูชาวันอังคาร 29 ม.ค.ที่ผ่านมา และ ได้พบหารือข้อราชการกับฝ่ายเจ้าภาพที่นำโดย พล.ท.ฮุน มาเนต รองผู้บัญชาการกองทัพและผู้บัญชาการกองกำลังทางบกซึ่งเป็นคู่ตำแหน่ง นับเป็นการพบกันครั้งแรกตั้งแต่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.อภิรัชต์ เข้าดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก และ ฝ่ายกัมพูชาก็เข้ารับตำแหน่งในเดือนเดียวกัน
ภาพกิจกรรมการเยือนของ พล.อ.อภิรัชต์ กับคณะของกองทัพบกไทย เผยแพร่ในเว็บไซต์ข่าวภาษาเขมรหลายแห่งในช่วงข้ามวันมานี้ รวมทั้งในเฟซบุ๊กส่วนตัวของ พล.ท.ฮุนมาเนตอีกด้วย -- มีชาวกัมพูชาจำนวนมากเขียนชื่นชมบุคคลิกส่วนตัวของ "บิ๊กแดง" ที่ได้ชื่อเคร่งครัดในระเบียบวินัย จนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ตามรายงานที่เผยแพร่โดยฝ่ายข่าวกระทรวงกลาโหมกัมพูชาวันเดียวกัน คณะของกองทัพบกไทยได้รับการต้อนรับ ที่กองบัญชาการกำลังทางบก กองทัพราชอาณาจักรกัมพูชา ที่ตั้งอยู่ในเขตปอร์แสนชัย กรุงพนมเปญ
พล.อ.อภิรัชต์ได้นำคณะกองทัพบกไทย พบหารือข้อราชการกับคู่ตำแหน่งของฝ่ายเจ้าภาพในหลายหัวข้อ ทั้งเกี่ยวกับการกระชับความสัมพันธ์อันดี ขยายความร่วมมือระหว่างกองทัพบกสองประเทศให้มีความใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น การรักษาความสงบตามแนวชายแดนของเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกัน สร้างเงื่อนไขที่ดีแก่การพัฒนาและการค้าขายของประชาชนสองชาติ รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นระหว่างกันอีกด้วย
ถึงแม้ว่ากำหนดการจะจัดทำขึ้นล่วงหน้าก็ตาม แต่การเยือนของผู้บัญชาการทหารบกของไทยมีขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังจากนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุนเซน สั่งการด้วยวาจาเมื่อวันที่ 24 ม.ค.-- ครบรอบ 20 ปีวันสถาปนากองกำลังทางบก -- ให้ทหารทุกคนต้องทำหน้าที่เป็น "นักการทูต" สร้างสัมพันธไมตรีกับทหาร และกองทัพของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งได้แก่ ลาว ไทยกับเวียดนาม
ผู้นำกัมพูชากล่าวในครั้งนั้นว่า เมื่อมีความเป็นมิตร มีความสัมพันธ์อันดี การลงทุนกับการท่องเที่ยวก็จะเพิ่มมากขึ้น ดีขึ้น -- ผู้นำสูงสุดได้ยกตัวเลขให้เห็นการค้าขายข้ามแดนกับไทย และเวียดนาม ที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว
.
.
.
.
.
.
.
.
.
สำหรับ พล.ท.ฮุน มาเนต วัย 41 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของครอบครัวนายกรัฐมนตรี ได้รับแต่งตั้งเข้ารับตำแหน่ง "ผู้บัญชาการทหารบก" ในเดือน ต.ค.ปีที่แล้วเช่นเดียวกัน โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯในเดือน ก.ย. ให้เข้ารับตำแหน่งสืบแทน พล.อ.กุน กิม (Kum Kim) ที่สื่อในกัมพูชาเคยรายงานว่า "ลาออกด้วยเหตุผลส่วนตัว"
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมานายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้แต่งตั้งให้ พล.อ.กิม เป็นประธานคณะกรรมการกิจการทหารผ่านศึกแห่งชาติ และ ต่อมาหลังการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 29 ก.ค.2561 ที่พรรครัฐบาลได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นด้วยคะแนนกว่า 83% พล.อ.กิม ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีอาวุโส กำกับดูและกิจการทหารผ่านศึกของรัฐบาล
เรียนสำเร็จจากโรงเรียนนายร้อยเวสต์ปอยต์ในปี 2541 ต่อมาไปเรียนจนสำเร็จปริญญาดุษฎีบัณฑิตสาขาเศรษฐกิจจากมหาบริสทอล สหราชอาณาจักร พล.ท.มาเนตถูกมองเป็นทายาททางการเมืองของบิดา เป็นนายทหารดาวรุ่งของกองทัพ และ ด้วยบุคคลิกส่วนตัวที่ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาดีมีวาทศิลป์ ลงพื้นที่ออกพบปะผู้ใต้บังคับบัญชาและเยี่ยมประชาชนสม่ำเสมอแม้ในพื้นที่ห่างไกล จึงทำให้กลายเป็น "ไอดอล" ทางสังคม
เป็นที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบัน พล.ท.มาเนต รอเวลาและจังหวะที่จะได้รับการเลื่อนยศชั้นขึ้นเป็นนายกพลเอกอย่างสมภาคภูมิตามฐานะตำแหน่ง แต่ในชีวิตจริงนั้นปัจจุบันเป็นนายทหารผู้มีอำนาจมากที่สุดคนหนึ่งของกองทัพ โดยคุมกำลังทหารบกทั่วประเทศ และ คุมหน่วยรบติดอาวุธทันสมัยที่สุดหลายหน่วย ที่ขึ้นตรงต่อผู้บัญชาการทหารบก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือหน่วยพิทักษ์ผู้นำ กับหน่วยต่อต้านก่อการร้ายภายในและรอบๆเมืองหลวง กับกองพลที่ 1 และ กองพลที่ 2 ด้วย.