MGR ออนไลน์ -- ถึงแม้จะแข็งกร้าว แต่ก็มีช่วงจังหวะที่อ่อนโยน มีอารมณ์ขบขัน มีความโอบเอื้ออารีย์ และ เป็๋นมิตรครบเครื่อง เรื่องทั้งหมดนี้รวมอยู่ในคำปราศรัยความยาวกว่า 1 ชั่วโมงของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซน ในพิธีเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีการก่อตั้งกองกำลังทางบกของกัมพูชาในยุคใหม่ วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ในตอนหนึ่งของการปราศรัยที่ค่อนข้างยาวนั้น ผู้นำสูงสุดได้สั่งให้ทหารทุกนายโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่กำลังรักษาความสงบสุข ประจำอยู่ตามแนวชายแดน ให้ทำหน้าที่เป็น "นักการทูต" กับทหารของประเทศเพื่อนบ้านที่ชายแดนติดกันไปด้วยในขณะเดียวกัน นั่นคือ ลาว ไทยและกัมพูชา
วิดีโอคำการพูดจาของผู้นำที่มีอำนาจมากที่สุดในประเทศนี้ ถูกนำขึ้นเผยแพร่ในเฟซบุ๊ก "สมเด็จฮุนเซนนายกรัฐมนตรีกัมพูชา" ที่มีผู้ติดตามกว่า 12 ล้านคนในปัจจุบัน
ไม่เพียงเท่านั้น -- ฮุนเซนที่แต่งเครื่องแบบนายพล 5 ดาวเพียงคนเดียวของประเทศ ได้บอกต่อเหล่าทหารว่า นอกจากจะเป็นมิตรกับเพื่อนบ้านแล้ว "เรายังจะต้องสร้างสัมพันธ์อันดีกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกอีกด้วย"
พิธีรำลึกวันครบรอบสำคัญจัดขึ้นในตอนเช้า ที่กองบัญชาการกองกำลังทางบก หรือ "กองทัพบก" ที่ตั้งอยู่ริมทางหลวงสาย 4 (สายเหนือ) ในเขตปอร์แสนชัย ชานเมืองหลวง มีการสวนสนามภายใน และ จัดแสดงแสนยานุภาพของกองทัพบก ที่มีทั้งรถถัง ปืนใหญ่ กับ จรวดชุดบนรถบรรทุก
กองทัพบกของกัมพูชาในยุคใหม่ก่อตั้งวันที่ 24 ม.ค.2542 เป็นการรวบรวมกองกำลังฝ่ายต่างๆเข้าด้วยกัน ตามสนธิสัญญาสันติภาพกรุงปารีสเดือนต.ค.2534 และ มีขึ้นหลังการเลือกตั้งทั่วไปปี 2536 ภายใต้อุปถัมภ์ขององค์การสหประชาชาติ -- แต่กองทัพกับกระทรวงกลาโหมตกอยู่ในสถานการณ์ปั่นป่วนนับครั้งไม่ถ้วนหลังจากนั้น รวมทั้งการยึดอำนาจโดยฝ่ายฮุนเซน เฮงสัมริน เจียซิมเองในปี 2539 ด้วย
ในช่วงหนึ่งของคำปราศรัยเกี่ยวกับบทบาทของทหาร นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้บัญชาการสูงสุดตามรัฐธรรมนูญ ระบุว่า "การมีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน จะทำให้การท่องเทื่ยวและการลงทุนขยายตัวดีขึ้น"
ฮุนเซนกล่าวในตอนหนึ่งว่า มูลค่าการค้าขายข้ามพรมแดนระหว่างกัมพูชากับเวียดนามเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 5,000 ล้านดอลลาร์ (เมื่อปีที่แล้ว) และ ระหว่างกัมพูชากับไทยเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์
"ดังนั้นโปรดเอาใจใส่ต่อการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับกองทัพของเพื่อนบ้าน (ลาว เวียดนาม ไทย)" ผู้นำกัมพูชากล่าว
ฮุนเซนได้กล่าวย้ำอีกครั้งว่า กองทัพกัมพูชาไม่ได้คบคิดกับใครเพื่อเป็นอริกับฝ่ายใด ทุกอย่างดำเนินไปภายใต้กรอบของสหประชาชาติ และ เพื่อผดุงสันติภาพเท่านั้น -- อันหมายถึงการส่งทหารไปร่วมกองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็น ในตะวันออกกลางและในแอฟริกา ตลอดหลายปีมานี้
ปัจจุบันกองทัพบกกัมพูชาอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของ พล.ท.ฮุน มาเนต บุตรชายคนโต ซึ่งอายุ 41 ปี เรียนสำเร็จจากโรงเรียนนายร้อยเวสต์ปอยท์สหรัฐเมื่อปี 2542 ต่อมาปี 2550 เรียนสำเร็จชั้นดุษฎีบัณฑิตสาขาเศรษฐกิจจากมหาวิทยาลัยบริสทอล สหราชอาณาจักร
พล.ท.ฮุน มาเนต คุมหน่วยรบพิเศษต่อต้านการก่อการร้ายเป็นเวลาหลายปี นี่คือหน่วยรบเคลื่อนที่เร็ว ติดอาวุธทันสมัยที่สุดอีกหน่วยหนึ่งของกองทัพ
กองกำลังทางบกอยู่ภายใต้การควบคุมโดย พล.อ.มาศ สุภา (Meas Sophea) นายทหารที่ไว้วางใจตลอดมา ก่อนจะเปลี่ยนมาสู่ยุคของ พล.อ.กุนกิม (Kun Kim) มาจนถึงเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว เมื่อพล.อ.เตีย บัญ รัฐมนตรีกลาโหม มีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ตั้งบุตรชายนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บัญชาการคนใหม่ และ ฮุนเซนโยก พล.อ.กิม ไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอาวุโส
ภายใต้คำสั่งครั้งเดียวกัน พล.อ.เตีย บัญ ได้โอนหน่วยรบสำคัญทั้งในและรอบๆ เมืองหลวง เข้าสังกัด ผบ.ทบ.โดยตรงอีก 4-5 กองพล/หน่วย รวมทั้งกองพลน้อย 70 ภายใต้บัญชาของ พล.ท.เหมา สุพัล (Mao Sophal) ซึ่งเป็นหน่วยพิทักษ์ผู้นำ/ต้านการก่อการร้าย เข้าในบัญชาการโดยตรง ของ พล.ท.มาเนต ด้วย
การปราศรัยของผู้นำสูงสุดครอบคลุมมากมายหลายประเด็น รวมทั้งหัวข้อที่น่าสนใจจำนวนหนึ่งต่อไปนี้:
-- กองทัพลดกำลังพลลงอย่างมากมายหลังการเซ็นสัญญาสันติภาพกรุงปารีสปี 2534
-- กล่าวย้ำอีกครั้งตนเองเคยเสนอตัวลาออกจากตำแหน่ง หลังเลือกตั้งปี 2536 แต่ถูก พล.อ.เตีย บัญ กับ พล.อ.แก กิม ยาน (อดีต ผบ.กองทัพที่อยู่ในตำแหน่งมายาวนาน/ปัจจุบันเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายป้องกันปราบปรามยาเสพติด) ด้วยเกรงว่า จะเกิดสงครามขึ้นอีกครั้ง
-- ให้ทหารทุกคนทุกชั้นยศดำรงตนอย่างมีเกียรติ ใสซื่อมือสะอาด ไร้ทุกมลทิน
-- ให้กองทัพจัดการผู้ที่จ้องทำลายล้างรัฐบาลที่ชอบธรรมและจากการเลือกตั้งโดยไม่ต้องลังเล ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เตือนให้กองทัพมีสติเข้มแข็ง ให้มีหลักประกันจะไม่มี "การก่อการร้าย" เกิดขึ้น -- หลายประเทศปราบปรามกลุ่มก่อความไม่สงบหรือก่อการยึดอำนาจล้มล้าง และ บางประเทศใช้กองทัพยึดอำนาจเพื่อความสงบสุขของประเทศ เรื่องนี้เป็นความชอบธรรม
-- กองทัพต้องช่วยเหลือประชาชน ไม่ทำให้ประชาชนเสียน้ำตา ต้องเป็นที่พึ่งได้ตลอดเวลา ทั้งในยามปรกติและในยามคับขับต่างๆ ตนเองดีใจที่ได้เห็นทหารในหลายจังหวัด ลงช่วยเหลือประชาชนเก็บกู้ข้าวในช่วงฤดูน้ำหลากปีที่แล้ว
-- ทหารต้องสนับสนุนให้มีการปฏิบัติตามกฎหมาย ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ลักลอบตัดไม้ทำลายป่าเสียเอง
-- ให้กองทัพบกเอาใจใส่ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของนายและพลทหารกับครอบครัว ตั้งแต่ "หัวจดเท้าและเท้าจดศรีษะ"
-- กองทัพต้องสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของชาติ สนับสนุนการค้าขายข้ามแดนของประชาชน และปราบปรามการลักลอบค้าขายที่ผิดกฎหมาย ให้รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษี
-- การเสริมสร้างกองทัพมิใช่เพื่อการทำสงคราม หากเป็นการป้องกัน รักษาความสงบสุขเพื่อให้ประเทศพัฒนาได้ หากปราศจากการข่มขู่คุกคาม ไม่มีการโค่นล้มรัฐบาล ก็ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังใดๆ
-- เรียกร้องให้นายทหารทุกคน ต้องใช้แผนที่และใช้เข็มทิศเป็นเมื่อออกสนาม
-- ให้ทหารทุกคน ทุกระดับชั้นหาทางลดพุง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร
-- ขอขอบคุณทุกคนและฝ่ายต่างๆ ที่สนับสนุนให้กองทัพเติบใหญ่เข้าแข็งในวันนี้.
[ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สำนักข่าวกัมพูชา และ เฟร็ชนิวส์ออนไลน์]