xs
xsm
sm
md
lg

ดูใกล้ๆจรวดชุด BM-21 รุ่นใหม่ยูเครน ดิจิตอลจอใหญ่ๆบนแชสซี 4 ล้อยาง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

รูปโฉมของ BM-21MU เมื่อมองจากภายนอก เล็กกระทัดลงอย่างเห็นได้ชัด บนแพล็ตฟอร์ม 4x4 รุ่นใหม่ แต่บรรทุกจรวดได้มากขึ้น แล่นเร็วกว่า และไปได้ไกลกว่าเดิม ภายในยิ่งพัฒนาใหม่หมดจด ซ้ำยังราคาถูกลงอีกด้วย. Courtesy Ukroboronprom.

MGR ออนไลน์ -- รัฐวิสาหกิจยูโครโบรอนพรอม (Ukroboronprom) ได้นำระบบจรวดแบบหลายลำกล้อง BM-21 ออกแสดงเป็นครั้งแรกในวันอังคาร 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ในงานแสดงอาวุธที่จัดในกรุงเคียฟ (Kiev) -- นี่คือระบบจรวดหลายลำกล้องหรือ Multiple Rocket Launcher System ของค่ายโซเวียต ที่พัฒนาก้าวหน้ามากที่สุดในยุคหลังสงครามเย็น เนื่องจากควบคุมการยิงด้วยระบบดิจิตอลทั้งหมด รวมทั้งระบบสุ่มหาเป้าหมาย กับระบบรายงานผลที่เชื่อมต่อกับยานไร้คนขับ

จรวดชุดรุ่นใหม่ล่าสุดติดตั้งบนรถบรรทุกล้อยางขนาด 9 ตัน 4x4 "คราซ" (KrAz) รุ่นใหม่ที่ผลิตในประเทศ ใช้เครื่องยนต์ดีเซล แชสซียาวกว่าเดิม บรรทุกจรวดได้มากกว่าเดิมจาก 40 เป็น 50 ลูก -- ซ้ำยังวิ่งได้ไกลกว่าและเร็วกว่า "อูราล 375" (Ural 375) ล้อยาง 6x6 ดั้งเดิม ซึ่งเป็นแพล็ตฟอร์มที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินของโซเวียต และ แล่นเร็วกว่าแพล็ตฟอร์มซิล (Zil) ทีรัสเซียนำไปใช้แทนใน BM-21 รุ่นหลังๆ

จากรหัสเดิมคือ BM-21U ระบบจรวดของยูเครน ได้กลายมาเป็น BM-21MU โดยอักษร "M" บ่งบอกการเป็นรุ่นที่พัฒนาให้ทันสมัยหรือ Modernized นั่นเอง

จรวดชุด MRLS ของค่ายโซเวียต/รัสเซียนั้น มีชื่อเรียกว่า "กราด" (Grad) ซึ่งมีความหมายในภาษาอังกฤษว่า "ลูกเห็บ" เวอร์ชั่น U ของยูเครนก็ยังเรียกชื่อในเดียวกัน แต่รุ่นพัฒนาล่าสุดได้ชื่อใหม่เป็น "เบเรสต์" (Berest) ตามชื่อของแหล่งที่ผลิต

"คาดว่าเบเรสต์จะเข้าแทนที่ BM-21 Grad ที่กองทัพยูเครนใช้อยู่ในปัจจุบัน การนำดิจิตอลเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ และ ติดตั้งบนแชสซีที่ผลิตขึ้นใหม่ในประเทศ ได้เพิ่มขีดความสามารถในการสู้รบของ MRLS รุ่นนี้อย่างมากมาย" ยูโครโบรอนพรอม ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจกำกับดูแลการผลิตและส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ ในสังกัดกระทรวงกลาโหมระบุในเอกสารแถลงข่าวชิ้นหนึ่ง ที่ออกในวันแรกของงานแสดงอาวุธ
.

.
ฟีเจอร์หลักๆ ที่โดดเด่นสำหรับ BM-212MU ก็คือ ทุกอย่างทำงานโดยอัตโนมัติ มีฟังก์ชั่นที่ให้คนต้องเข้าไปทำน้อยมาก พร้อมกับขีดความสามารถในการควานหาตำแหน่งของเป้าหมาย ทุกอย่างทำจากในห้องควบคุม/โดยสาร ที่กว้างขวางสำหรับ 5 คน เจ้าหน้าที่ไม่ต้องออกจากห้องควบคุมเช่นในรุ่นก่อน

ระบบใหม่ยังบูรณาการเข้ากับข้อมูลที่ส่งจากโดรน เพื่อกำหนดเป้าหมายที่จะโจมตี รวมทั้งยังมีระบบต่อต้านเรดาร์ และ อื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง รัฐวิสาหกิจแห่งนี้ยังระบุในคำแถลงอีกว่า ถึงแม้ว่าจะทันสมัยยิ่งกว่า ดีเพรียบพร้อม มีอำนาจการนยิงสูงกว่า ยิงได้เร็วกว่า "กราด" ก็ตาม แบเรสต์ยังมีราคาถูกกว่าอีกด้วย

แพล็ตฟอร์ม KrAz รุ่นใหม่ เป็นรถบรรทุกหัวตัด (ไม่มีส่วนหัวยื่น) จัดเป็นสองแถว มี 4 ประตู สื่อยูเครนรายงานก่อนหน้านี้ว่า ใช้ยางหน้ากว้างที่ปรับความดันอัตโนมัติ เพื่อวิ่งไปบนผิวจราจรที่ต่างกัน เช่นแล่นบนถนนคอนกรีต กับแล่นแบบอ๊อฟโร้ด -- ติดตั้งถังเชื้อเพลิง 2 ถังรวมปริมาตร 165 ลิตร ไปไกลสุดถึง 600 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับการจัดแต่งล่วงหน้า เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานภารกิจทีต่างกัน
.
บรรทุกจรวดเพิ่มขึ้นอีก 10 เป็น 50 ลูก. Courtesy Ukroboronprom.
ที่นั่งภายในห้องโดยสารทั้ง 5 ปรับเอนหรือปรับซ้ายขวาด้วยไฟฟ้า สะดวกสบายทันสมัย และ "เบเรสต์" สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 90 กม./ชม.

เรากำลังพูดถึงระบบอาวุธอีกชนิดหนึ่ง ที่ตัวเลข "21" ทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้เสมอมา เกี่ยวกับขนาด ซึ่งแท้จริงแล้ว MRLS รุ่นนี้ใช้จรวดขนาด 122 มม. และ เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ปัจจุบันมีใช้ในกองทัพกว่า 70 ประเทศทั่วโลกในรุ่นต่างๆ กัน ถึงแม้ว่าผู้ผลิตรายใหญ่คือ รัสเซีย กับรัฐค่ายโซเวียตเมื่อก่อน รวมทั้งจีนที่ลอกเลียนเอาไปผลิตเอง ได้พัฒนาใช้คาลิเบอร์ใหญ่กว่านี้แล้วก็ตาม

จรวด BM-21 มีใช้ในประเทศเพื่อนบ้านรอบข้างของไทย คือ เวียดนาม กัมพูชาและพม่า รวมทั้งกองทัพบกไทยเองด้วย แต่เป็นรุ่นที่เรียกว่า Type 81 SPRL โดยจัดหาจากจีน ที่ทำ "รีเอ็นจิเนียร์" จาก BM-21 "กราด" โซเวียตโดยตรง -- ในขณะที่ไทยกำลังพัฒนาจรวด 122 มม.อีกรุ่นหนึ่ง ที่ทันสมัยยิ่งกว่าเพราะจะมีระบบนำวิถี (Guided)

เนื่องจาก MRLS เป็นระบบอาวุธที่ไม่นำวิถี (Unguided) ใดๆ "ยิง" จากแท่นยิงบนรถบรรทุก รวมทั้งเวอร์ชั่นที่ยิงจากเรือรบ หรือ อากาศยาน -- ก็จึงเรียกเป็น "จรวด" (Rocket) ไม่จัดเป็น "อาวุธปล่อย" (Missile) ในระบบของกองทัพไทย
หน้าจอดิจิตอล ทุกอย่างเป็นดิจิตอล รวมทั้งระบบควบคุมการยิงด้วย. Courtesy Ukroboronprom.
ถึงแม้ว่า MRLS เป็นระบบอาวุธที่ผลิตขึ้นมา เพื่อยิงทำลายขบวนยานพาหนะขนส่งหรือบรรทุกกำลังพล รวมทั้งโจมตีกำลังพลในพื้นที่เปิด ที่มีอาณาบริเวณกว้างขวางก็ตาม แต่เนื่องจากไม่นำวิถี จึงทำให้พลาดเป้าหมายได้ง่าย

เมื่อเกิดเหตุปะทะขึ้นชายแดนด้านเขาพระวิหารนั้น กองทัพกัมพูชานำ BM-21 ที่ได้รับความช่วยเหลือจากจีน ออกใช้ในแนวหน้าเป็นจำนวนมาก โดยสุ่มยิงข้ามเข้ามาในดินแดนไทย จนทำให้กระสุนไปตกลงในบริเวณสวนหลังบ้านของราษฎรในพื้นที่ ถึงแม้จะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บก็ตาม

ยังมีบันทึกอีกว่า BM-21 ของกัมพูชา ถูกยิงโต้ตอบด้วยปืนใหญ่อัตตาจร 155 มม.แบบ "ซีซาร์" (Caesar) ของกองทพบกไทย ที่ยิงจากระยะไกล ทำให้เสียหายหรือถูกทำลายไปอย่างน้อย 8 ระบบ -- ยังไม่เคยมีฝ่ายใดแสดงหลักฐานยืนยัน แต่เรื่องนี้ได้ถูกบันทึกเป็นข้อมูล ในเว็บไซต์ข่าวกลาโหมหลายต่อหลายแห่งทั่วโลก

บางเรื่องเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยืนยันได้ และ ไม่จำเป็นจะต้องยืนยันอะไร ปล่อยให้เป็นความลับทางการทหารต่อไป.
กำลังโหลดความคิดเห็น