MGR ออนไลน์ -- ทางการแขวงอัตตะปือได้ประกาศขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนในวันอังคาร 24 ก.ค.นี้ ขณะเร่งอพยพประชาชนหลายพันคนออกจากพื้นที่ หลังจากเขื่อนเซเปี่ยน-เซน้ำน้อย ที่กำลังก่อสร้างแตกร้าวส่งน้ำในอ่างไหลทะลักลงสู่ลำน้ำเบื้องล่าง ไหลบ่าเข้าท่วมท้นบ้านเรือนประชาชนนับสิบหมู่บ้านในเขตเมืองสะหนามไซ หลายท้องถิ่นน้ำท่วมมิด ภาพที่เผยแพร่ผ่านโลกออนไลน์ แสดงให้เห็นผู้คนจำนวนมากที่ออกจากพื้นที่ไม่ทัน ต้องขึ้นไปอาศัยบนหลังคารอความช่วยเหลือ
นายกรัฐมนตรีรลาวทองลุน สีสุลิด ถึงกับต้องยุติการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำเดือนนี้ลงกลางคัน และ จับเครื่องบินไปยังแขวงภาคต้ ตั้งแต่เช้าวันนี้เพื่ออำนวยการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสพภัย
ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น ช่วง 2 วันที่ผ่านมา ทางการได้ให้ความช่วยเหลือนำประชาชนไปยังที่ปลอดภัยได้ไม่กี่ร้อยคน คาดว่ายังมีผู้ปนระสบภัยอีกกว่า 2,000 คน กำลังรอความช่วยเหลือ จำนวนมากต้องหนีน้ำทั่มสูงมิหลังคาบ้าน ไปหลบบนต้นไม้ หรือ ติดอยู่บนหลังคารอการช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำอาหารแห่งกับน้ำดื่มออกแจกจ่าย แต่ทั้งหมดเป็นไปอย่างทุลักทุเลเนื่องจากฝนยังตกต่อเนื่อง เส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด ส่งความช่วยเหลือทางเรือเป็นหลัก
ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับจำนวนผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ แต่ชาวอัตตะปืดจำนวนหนึ่งโพสต์ข้อความในโลกออนไลน์ อ้างว่ามีผู้พบเห็นประชาชนหลายสิบคนถูกน้ำพัดพาไปในวันจันทร์ น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้อาจมีผู้เสียชีวิตจำนวนนับร้อย
ในขณะนี้ยังไม่มีฝ่ายที่รับผิดชอบรายได้ออกแถลงอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขื่อนใหญ่แห่งนี้ มีเพียงสื่อในท้องถิ่นที่ระบุว่า "เกิดอุบัติเหต" ที่เขื่อนดังกล่าว ซึ่งทำให้เกิดการตีความว่าเขื่อนแตก เนื่องจากไม่สามารถอุ้มน้ำปริมาณมหาศาลเอาไว้ได้
เขื่อนผลิตไฟฟ้าเซเปียน-เซน้ำน้อย ก่อสร้างเกือบจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ มีกำหนดเริ่มปั่นไฟในปลายปีนี้่ มีกำลังติดตั้ง 410 เมกะวัตต์ สำรวจมาตั้งแต่ปี 2551 เริ่มก่อสร้างต้นปี 2556 เป็นการร่วมทุนระหว่างกลุ่มบริษัทเอสเคเอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรักชั่น จากเกาหลี บริษัทพลังงานไฟฟ้าเกาหลี บริษัทไฟฟ้าราชบุรีจากไทย กับบริษัทถือหุ้นลาว ของรัฐบาลลาว โครงการมีมูลค่า 1,200 ล้านดอลลาร์ ภายใต้สัญญาสัมปทานแบบบีโอที เป็นเวลา 32 ปี
.
ตามรายงานของสื่อออนไลน์ภาษาลาวทางการแขวงได้ออกประกาศสั่งการ ให้ทุกหน่วยงานทั้งพลเรือน ตำรวจ-ทหาร ระดมความช่วยเหลือให้แก่ผู้ประสบภัย ขอความช่วยเหลือจากแขวงใกล้เคียง และ ขอความช่วยเหลือ "มายังเพื่อนมิตรทั้งใกล้และไกล"
กระแสน้ำในล้ำน้ำเซเปียนได้ไหลท่วมบ้านเรือนราษฎรอย่างรวดเร็วใน 5 หมู่บ้านที่อยู่ใกล้ที่สุด ในบางท้องถิ่นระดับน้ำสูง 5-6 เมตร ส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออีกหลายหมู่บ้านใกล้เคียง น้ำท่วมบ้านเรือน เทืออกสวนนาไร เสียหายสุดคณานับ นอกจากนั้น "ຍັງມີຜູ້ສູນຫາຍເປັນຈໍານວນຫລາຍ, ເຊິ່ງຖືເປັນໄພທໍາມະຊາດທີ່ຮ້າຍແຮງຊຶ່ງມີຜູ້ເສຍຊີວິດເປັນຈໍານວນຫລາຍ" -- ยังมีผู้สูญหายเป็นจำนวนมาก ถือเป็นภัยธรรมชาติที่ร้ายแรงซึ่งมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
ไม่เพียงแต่ลำน้ำเซเปียนเท่านั้นที่ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างวิกฤติ ลำน้ำเซกองที่ไหลผ่านตัวเมืองเอก ลงไปยังเมือง (อำเภอ) ต่างๆ ระดับน้ำยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 วันมานี้ เนื่องจากเกิดฝนตกหนักในเขตป่าต้นน้ำ หลังจากพายุโซนร้อนลูกล่าสุดจากทะเลจีนใต้ พัดเข้าแดนลาวในคืนวันที่ 19 ก.ค. ส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก ตั้งแต่แขวงภาคเหนือสุดลงไปจนถึงตอนใต้สุดของประเทศ
.
แขวงอัตตะปือมีเขื่อนผลิตไฟฟ้านับสิบแห่ง สร้างกั้นลำน้ำสาขาแม่น้ำโขงหลายสาย รวมทั้งเขื่อนเซกอง เขื่อนเซกะหมาน และ เขื่อนน้ำกอง ด้วย
นายสุริอุดง สูนดารา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโลโนโลยี ได้โพสต์ข้อความใในเฟซบุ๊กตอนเช้าวันนี้ แจ้งวง่านายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรี ได้สั่งปิดการประชุมประจำเดือนของคณะรัฐมนตรีอย่างเร่งด่วน และจับเครื่องบินลงใต้ไปยังแขวงอัตตะปือ เพื่อติดตามอำนวยการให้ความช่วยเหลือแก่ราษฎรผู้ประสบภัย
เหตุการณ์ที่เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อยสัปดาห์นี้ นับเป็น "อุบัติเหตุ" เกี่ยวกับเขื่อนผลิตไฟฟ้าครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 2 ปี หลังจากเขื่อนเซหะหมาน 3 ขนาด 250 เมกะวัตต์ในแขวงเซกอง ซึ่งก่อสร้างโดยบริษัทเวียดนาม ปั่นไฟฟ้าเข้าระบบมา 4 ปี เกิดพังทะลายในช่วงปลายปี 2560 และ รัฐมนตรีพลังงานและเหมืองแร่แถลงในที่ประชุมสภาแห่งชาติว่า เกิดจาก "ຜູ້ພັດທະນາໂຄງການ ບໍ່ປະຕິບັດຕາມຂັ້ນຕອນມາດຕະຖານ ເຕັກນິກຂອງໄຟຟ້າລາວ" (ผู้พัฒนาโครงการไม่ได้ปฏิบัติ ตามขั้นตอนมาตรฐานเทคนิคของรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว)
ต่อมาในเดือน ก.ย.ก็เกิดกรณีคล้ายกันนี้ที่เขื่อนน้ำอ้าว ขนาด 12 เมกะวัตต์ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จไปประมาณ 80% โดยบริษัทลาว เขื่อนแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตเมืองผาไซ แขวงเชียงขวาง แต่ปล่อยน้ำลงลำน้ำอ้าวในแขวงไซสมบูรณ์ -- น้ำปริมาณมหาศาลไหลเข้าท่วมโรงไฟฟ้าน้ำเงียบ 1 ขนาด 180 เกมะวัตต์ รวมทั้งท่วมบ้านเรือนราษฎรในแขวงดังกล่าวเสียหายหนัก
ไม่เพียงแต่ภาคใต้ของลาวเท่านั้น อิทธิพลของพายุเซินตีงยังส่งผลถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชา ที่อยู่ถัดแขวงอัตตะปือกับแขวงจำปาสักของลาวลงไป สัปดาห์นี้่น้่ำจากลำน้ำเซซานไหลบ่าเข้าท่วมท้นบ้านเรือนราษฎรใน 4 อำเภอ ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ จ.สะตึงแตร็ง และ จ.กระแจ๊ะ เพิ่มขึ้นอย่างน่าวิตกอีกด้วย.