MGR ออนไลน์ -- ทางการกัมพูชาทำพิธีเปิดเดินรถไฟระหว่าง จ.โพธิสัตว์กับกรุงพนมเปญ ในวันพุธ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วง 166 กิโลเมตรสุดท้ายของทางรถไฟสายเหนือ-ตะวันตก และ เป็นช่วงต่อสำคัญของระบบทางรถไฟ "ทรานส์อาเซียน" ที่กล่าวถึงกันมาเป็นเวลานาน นอกจากนั้่นก็ยังเป็นครั้งแรกในรอบ 45 ปี ที่ทางรถไฟระยะทางกว่า 380 กม. สามารถใช้งานได้ตลอดสายอีกครั้งหนึ่ง หลังถูกทำลายเสียหายอย่างหนักในช่วงสงครามกลางเมือง
นายสุ่น จันทอล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง ได้เป็นประธานทำพิธีเปิดการเดินรถที่สถานีบ๊าตเด็ง จ.โพธิสัตว์ ตอนเช้าวันพุธ ซึ่งเป็นการเปิดใช้ชั่วคราว และ รถไฟไปถึงพนมเปญในบ่ายวันเดียวกัน สื่อออนไลน์ภาษาเขมรหลายแห่งรายงาน
วิดีโอชิ้นหนึ่งที่แชร์กันแพร่หลายในเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ภาษาเขมรหลายสำนักช่วงข้ามคืนมานี้ ยังแสดงให้เห็นนายจันทอลร่วมโดยสารไปในขบวนปฐมฤกษ์ ท่ามกลางเสียงร้องเพลงกับเสียงปรบมือให้จังหวะ ในหมู่ผู้โดยสารที่ไปร่วมพิธีเปิด และ ในช่วงหนึ่งรัฐมนตรีกัมพูชาได้เล่นกีตาร์-ร้องเพลงเอง ท่ามกลางบรรยายากาศแห่งความยินดีปรีดา
การเปิดเดินรถไฟช่วงสุดท้ายนี้ มีความหมายอันสำคัญว่ากัมพูชาพร้อมแล้วสำหรับการเชื่อมต่อกรุงพนมเปญ เข้ากับกรุงเทพฯด้วยระบบราง และ ในความหมายที่กว้างขวางยิ่งกว่าก็คือ บัดนี้่กัมพูชามีความพร้อมที่จะเปิดการขนส่งระบบรางสู่ประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน -- จากไทยไปมาเลเซียจนถึงสิงคโปร์ -- และ ในอนาคตจะสามารถเชื่อมต่อกันได้ถึงเวียดนาม กับมณฑลภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ในโครงการทางรถไฟข้ามประเทศ ที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารพัฒนาเอเชีย
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้จะยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้จนกว่าการเจรจาทำความตกลงการเดินรถข้ามพรมแดนกับไทยมีสัมฤทธิ์ผล ซึ่่งหนังสือพิมพ์เกาะสันติภาพรายงานในสัปดาห์นี้ว่า รัฐมนตรีกัมพูชา มีกำหนดพบกับรัฐมนตรีคมนาคมของไทย ในวันศุกร์ที่ 6 ก.ค.นี้ เพื่อสืบต่อการเจรจาให้สามารถนำไปสู่การทำความตกลงข้ามพรมแดนระหว่างกัน ตามเจตนารมณ์หลังการพบหารือข้อราชการ ระหว่างผู้นำกัมพูชาฮุนเซน กับ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทยในกรุงเทพฯ เมื่อเดือนที่แล้ว
.
หนังสือพิมพ์ภาษาเขมรที่มียอดจำหน่ายสูงสุดรายงานก่อนหน้านี้่ว่า การเจรจาระหว่างไทยกับกัมพูชาได้มาถึงขั้นตอนสุดท้าย ยังคงค้างในประเด็นรายละเอียด ที่เกี่ยวกับอธิปไตยระหว่างสองประเทศ ซึ่งคณะเจรจาของสองฝ่าย ร่วมกันพิจารณาประเด็นนี้อย่างรอบคอบ
รถไฟของกัมพูชาใช้ราง "เมตรเกจ" หรือ กว้าง 1 เมตร เช่นเดียวกับระบบรางของไทย ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะเดินรถขบวนหนึ่งจากต้นหนึ่งไปยังอีกปลายทางหนึ่งโดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวน แต่สื่อกัมพูชารายงานว่า เรื่องนี้ยังจะต้องร่วมกันต่อไป และ ในระยะแรกนี้มีเพียงการหารือในรายละเอียด เกี่ยวกับวิธีการ "ถ่ายขบวน" ระหว่างสถานีชายแดนของกัมพูชาที่ปอยเปต กับสถานีอรัญประเทศของไทยเท่านั้น
เกาะสันติภาพรายงานอ้างความเห็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงโยธาธิการฯ ที่ระบุว่า ปัจจุบันการค้าขายข้ามพรมแดนระหว่างสองประเทศพัฒนาไปรวดเร็วมาก รถบรรทุกสินค้าจากฝั่งไทยเข้ากัมพูชา และ กัมพูชาเข้าไทย มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากมายและเพิ่มขึ้นแทบจะทุกวัน รถไฟจะช่วยลดต้นทุนการขนส่ง ทำให้สินค้าของสองฝ่ายมีต้นทุนต่ำลง และแข่งขันได้มากขึ้น
สำหรับกัมพูชาเองรถไฟจะช่วยลดค่าน้ำมันเพลิงที่ต้องนำเข้ามหาศาลในแต่ละปี ช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน และ มีส่วนช่วยให้พื้นผิวถนนโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางหลวงสายหลักต่างๆ มีอายุใช้งานที่ยาวนานมากยิ่งขึ้น
กัมพูชาใช้เวลาหลายปีกับเงินงบประมาณหลายสิบล้านดอลลาร์ ในการฟื้นฟูบูรณะระบบราง สำหรับรถไฟสายเหนือ-ตะวันตก การเปิดเดินรถช่วงสุดท้ายเมื่อวันพุธ ทำให้ตลอดทั้งสายจากพนมเปญไปจนถึงชายแดนไทย สามารถใช้งานได้ครบถ้วนเป็นครั้งแรกในรอบ 45 ปี
.
หากจะเล่นกับตัวเลข -- กัมพูชาใช้เวลาเพียง 90 วันในการเปิดเดินรถตลอดสาย นับตั้งแต่ช่วงแรกระยะทาง 48 กม.จากสถานีปอยเปต ไปยังสถานีศรีโสภณ จ.บ้านใต้มีชัย เปิดเดินรถเมื่อวันที่ 4 เม.ย.2561 -- ต่อมาวันที่ 29 เม.ย. รถไฟกัมพูชาได้เปิดให้บริการอีกช่วง ระยะทาง 65 กม.ไปยัง จ.พระตะบอง -- รถไฟช่วงที่ 3 ระยะทางอีก 107 กม.จากพระตะบอง ไปยังโพธิสัตว์ เปิดเมื่อวันที่ 29 พ.ค. ก่อนนำมาสู่การเดินรถในช่วงสุดท้าย เมื่อวันพุธนี้
การเปิดเดินรถไฟช่วงสุดท้าย ยังมีขึ้นก่อนการเลือกตั้งทั่วไปเพียง 25 วันเท่านั้่น และ ก็เช่นเดียวกันกับ 3 ช่วงที่เปิดไปก่อนหน้านี้ รัฐบาลให้ประชาชนทั่วไปใช้บริการฟรีไปจนถึงสิ้นเดือนนี้ -- หลังการเลือกตั้งวันที่ 29 ก.ค.ผ่านพ้นไป
กัมพูชาใช้เงินลงทุนรวม 963.6 ล้านดอลลาร์ ในการฟื้นฟูและก่อสร้างขึ้นใหม่ทางรถไฟตลอดสายรวม 386 กม. ในนั้่นเป็นเงินกู้จากเอดีพีเพียงประมาณ 13 ล้านดอลลาร์
ทางรถไฟสายเหนือฯ สร้างขึ้นในระหว่างปี 2472-2485 ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส -- การเดินรถหยุดชะงักลงในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1970 หลังจาก พล.อ.ลอนนอล ที่สหรัฐหนุนหลัง ทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาล "เจ้าสีหนุ" กับในสงครามยึดอำนาจโดยฝ่ายเขมรแดง -- ทางรถไฟถูกปล่อยทิ้งให้ชำรุดเสียหายต่อไปภายใต้รัฐบาลคอมมิวนิสต์ในช่วงปี 2518-2522 กับช่วงสงครามกลางเมืองระหว่างปี 2522-2532.