MGR ออนไลน์ -- นายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซนเขียนลงในเฟซบุ๊กวันอาทิตย์ 20 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้มีผู้ติดตาม (Followers) เพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านรายแล้ว และ ได้ขอบคุณผู้ติดตามทุกคน ทั้งประชาชนทั่วไป และชาวเขมรที่อาศัยทำกินในต่างแดน ตลอดจนเพื่อนมิตรในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่ติดตามข่าวคราว ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมต่างๆของตน ทางโซเชียลมีเดีย
นรม.กัมพูชายังเรียกร้องเป็นพิเศษ ไปยังเยาวชนของประเทศ โดยขอให้ใช้โซเชียลมีเดียต่างๆ รวมทั้งให้ใช้ประโยชน์จากเฟซบุ๊กอย่างสร้างสรรค์ และ ใช้อย่างมีความรับผิดชอบอีกด้วย
"ถึงตอนนี้เฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของผม ได้มีผู้ติดตาม ทั้งเพื่อนมิตรและแฟนๆ เป็นจำนวน 10 ล้านรายแล้ว เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2561" นรม.กัมพูชาเขียน แจ้งให้ผู้ติดตามได้ทราบ
"โดยผ่านเฟซบุ๊กนี้ผมเองได้มีความสัมพันธ์อันอบอุ่นที่สุด ใกล้ชิดที่สุดกับบรรดาข้าราชการ กองทัพ ประชาชนทั่วไป เยาวชน กระทั่งเด็กๆ ทั้งหลาย เช่นเดียวกันกับบรรดาบุคคลากรทางการแพทย์และพยาบาล ที่กำลังทำงานอยู่ในทั่วประเทศ" ฮุนเซนเขียนในตอนหนึ่ง -- ในวลีหลังนี้เป็นใจความสำคัญ ที่รวมหมายถึงบรรดาแพทย์และพยาบาลอาสา ในโครงการช่วยเหลือประชาชนผู้ด้อยโอกาส ที่ดำเนินการโดยนายกรัฐมนตรีและครอบครัว
ผู้นำที่มีอำนาจสูงสุดกล่าวด้วยว่า โดยผ่านทางเพศบุ๊กนี่เอง ที่ทำให้ตนได้รับทราบปัญหาต่างๆ จากเพื่อนร่วมชาติโดยตรง และ ได้ทำการแก้ไขไปมากมาย ทั้งปัญหาของประชาชนทั่วไป และ ของบรรดานักเรียน นิสิต นักศึกษา และ ที่ผ่านมาได้รับการแก้ไขไปแล้วมากมาย -- ผู้นำยังอวยชัยให้พรไปยังผู้สนับสนุนและผู้ติดตามทุกคน ทั้งที่อยู่ในประเทศและในต่างประเทศ ให้ประสบโชคดี
หลังจากความนิยมในพรรคประชาชนกัมพูชา (Cambodian People's Party) ลดวูบลง จนเกือบจะพ่ายการเลือกตั้งเมื่อปี 2556 ผู้นำได้ตระหนักถึงความจำเป็น ที่จะต้องเข้าถึงคนรุ่นหนุ่มสาว ที่เป็นประชากรรุ่นใหม่ของประเทศ ซึ่งพรรคงฝ่ายค้านของนายสม รังสี ได้ใช้โซเชียลมีเดียต่างๆ ในการเข้าหาคนเหล่านี้ -- ตัวเลขอย่างเป็นทางการชี้ว่า 70% ของประชากรชาวกัมพูชาทั้งหมด 15 ล้านคน มีอายุน้อยกว่า 30 ปี ขณะเดียวกัน มีถึง 9 ล้านคน ใช้งานอินเทอร์เน็ต
การเลือกตั้งทั่วไปครั้งวันที่ 28 ก.ค.2556 นั้่น พรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) ที่ถูกยุบตามคำสั่งศาลเมื่อปลายปีที่แล้ว ได้ส่วนแบ่งเก้าอี้ในรัฐสภา 55 ที่นั่ง ขณะที่พรรครัฐบาลได้ 68 ลดลงจาก 90 ที่นั่ง -- นักวิเคราะห์ทางการเมืองมองว่าระบุว่า CPP พยายามที่จะตอบโต้การวิพากษ์วิจารณ์ที่เพิ่มขึ้น บนสื่อสังคมออนไลน์นับตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
เพียงข้ามปีหลังเปิดใช้งาน -- ในเดือน ก.ย.2558 เฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของผู้นำมีผู้ติดตามทะลุ 1 ล้านรายเป็นครั้งแรก ท่ามกลางคำครหาจากฝ่ายตรงข้ามที่ว่า มีการจ้าง "กดไล้ก์" จากต่างแดน โดยชี้ให้เห็นว่า จำนวน "ไล้ก์" ส่วนใหญ่ 70-80% ไปจากแอ็กเค้าน์ในต่างประเทศทั้งสิ้น
ในเดือน ต.ค.2558 ศาลกรุงพนมเปญ ได้สั่งปรับนายสัม รังสี หน.พรรคฝ่ายค้าน เป็นเงิน 6,250 ดอลลาร์ฐานดูหมิ่น หลังจากโพสต์ในเฟซบุ๊กของตัวเองในเดือน มี.ค.ปีเดียวกัน กล่าวหาว่า มี "ไลก์ปลอม" ในหน้าเพจเฟซบุ๊ก ของ นรม.ฮุนเซน -- ขณะนั้นนายรังสี ที่มีคดีความติดตัวอีกหลายคดี ทั้งทางแพ่งและอาญา ได้หลบหนีไปอยู่ในต่างประเทศแล้ว
ช่วงเวลาดังกล่าว หน้าเพจเฟซบุ๊กของฮุนเซน มียอดไลก์มากกว่า 6 ล้านไลก์ เทียบกับของสม รังสี ที่มีจำนวน 3.3 ล้านไลก์.