อะเมซิ่งลาว .. ห้ามรัฐมนตรี-หัวหน้าทุกระดับ ส่ง สคส.ปีใหม่ให้ของขวัญ เน้นประหยัดเป็นแบบอย่าง

MGRออนไลน์ -- รัฐบาลลาวมีคำสั่งให้บรรดารัฐมนตรีเจ้ากระทรวงเจ้าแขวงต่างๆ รวมทั้งหัวหน้าองค์การ หน่วยงานในสังกัดรัฐบาลทุกระดับ จากส่วนกลางลงไปจนถึงระดับท้องถิ่น ไม่ให้จัดทำบัตรอวยพร หรือส่งให้แก่กัน เนื่องในเทศกาลปีใหม่สากลที่จะถึงนี้ คำสั่งดังกล่าวครอบคลุมถึงการให้ของขวัญของฝาก ถึงแม้จะไม่ได้ใช้เงินประมาณของรัฐ แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงต้องปฏิบัติตามมติ คณะกรรมการศูนย์กลางพรรค ประชาชนปฏิวัติลาว และ รัฐบาล ที่เน้นการประหยัด และเป็นแบบอย่างในการไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย

สำนักข่าวสารปะเทดลาวรายงานเรื่องนี้ เป็นข่าวเล็กๆ ชิ้นหนึ่งวันพฤหัสบดี 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา อ้างคำสั่งฉบับหนึ่ง ที่ลงนามโดยนายกรัฐมนตรี นายทองลุน สีสุลิด ที่เน้นให้บรรดารัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูง แบบอย่างแก่สาธารณชนทั่วไป และ "ເພື່ອ​ເປັນ​ການ​ປະຕິບັດ​ໃຫ້​ສອດຄ່ອງ​ ກັບ​ນະ​ໂຍບາຍ​ປະຢັດ ​ແລະ ຕ້ານ​ການ​ຟຸມ​ເຟືອຍຂອງ​ພັກ-ລັດ"

คำสั่งของนายกรัฐมนตรี ยกเว้นให้เพียงกรณีที่จะต้องส่งบัตรอวยพร ที่มีจุดประสงค์และเป้าหมายจำเพาะ เช่น การส่งให้แก่เพื่อนมิตรในต่างประเทศเท่านั้น

มาตรการล่าสุดนี้ เป็นอีกกรณีหนึ่งที่แสดงให้เห็น การปฏิบัติอย่างจริงจัง ตามนโยบายประหยัดมัธยัสต์ ไม่ฟุ่มเฟือย ที่รัฐบาลคอมมิวนิสต์ลาว ได้พยายามวางเป็นรากฐานให้แก่สังคม โดยเน้นจาก พรรคและรัฐบาลเอง -- นับตั้งแต่สั่งการให้บรรดารัฐมนตรี เจ้าแขวงและหัวหน้าหน่วยงาน คืนรถยนต์หรูให้แก่รัฐ ทั้งออกมาตรการใหม่ให้บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐ ในระดับกรรมการศูนย์กลางพรรคทั้งหมด ซึ่งรวมถึงเจ้าแขวง -- ใช้รถยนต์ขนาดเล็กลง มีเครื่องยนต์ขนาดไม่เกิน 2500 ซีซี กับ รถยนต์อเนกประสงค์อีก 1 คัน สำหรับตรวจราชการในพื้นที่ทุรกันดารหรือห่างไกลเท่านั้น

พร้อมๆ กับการกำหนดให้รถยนต์ประจำตำแหน่ง ให้มีขนาดเล็กลง รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี ยังออกคำสั่งกำหนดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง ที่การนำในแต่ละระดับสามารถใช้ได้ ในแต่ละเดือนอีกด้วย

มาตรการดังกล่าว ทำให้ นายบุนยัง วอละจิต เลขาธิการใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาวและประธานประเทศ ดร.ทองลุน กับ นางปานี ยาทอตู่ ประธานสภาแห่งชาติ ใช้รถยนต์โตโยต้าคัมรี 2500 ซีซี เป็นรถยนต์ประจำตำแหน่งตั้งแต่นั้นมา หลังจากเคยใช้รถยนต์หรูถึง 2 คัน ทั้งบีเอ็มดับลิวซีรีส์ 730 และ เมอร์ซีเดส S-500

บรรดา "รถหลวง" ที่เกือบทั้งหมด นำเข้าโดยไม่ต้องเสียภาษีนั้น ในเวลาต่อมาถูกทยอยนำออก จำหน่ายให้แก่สาธารณชน โดยวิธีประกวดราคา ซึ่งมีรายงานว่า สามารถนำเงินเข้ารัฐได้กว่า 100 ล้านบาท ยังไม่นับการประหยัดเงินงบประมาณ จากค่าซ่อมบำรุง กับ ส่วนต่างค่าน้ำมันเชื้อเพลิง อีกเป็นเงินมหาศาล ในแต่ละเดือน แต่ละปี

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การจัดการเกี่ยวกับรถยนต์ประจำตำแหน่ง เพียงอย่างเดียว ช่วยรัฐบาลประหยัดเงินงบประมาณ จากภาษีอากรของประชาชน ได้อย่างมหาศาล ทั้งในระยะยาวและระยะสั้น และ เป็นนโยบายที่ประชาชนลาวทั้งประเทศ แซ่ซร้องสรรเสริญ

"ການ​ເຮັດ​ບັດ​ອວຍພອນ​​ເຊິ່ງກັນ ​ແລະ ກັນ ໃນ​ໂອກາດ​ປີ​ໃໝ່ສາກົນ ​ເຖິງ​ວ່າ​ຈະ​ບໍ່​ໄດ້​ໃຊ້​ງົບປະມານ ຫລື ທຶນ​ສ່ວນ​ຕົວຢ່າງ​ຫລວງຫລາຍ​ກໍ​ຕາມ, ​ແຕ່​ເປັນ​ການ​ສ້າງ​ຈິດ​ສຳນຶກ ​ແລະ ການ​ເປັນ​ແບບຢ່າງ​ທີ່​ດີ​ຂອງ​ການ​ນຳ​ທຸກ​ຂັ້ນ ​ໃນ​ການ​ປະຕິບັດ​ນະ​ໂຍບາຍ​ປະຢັດ" -- ถึงแม้ว่าการทำบัตรอวยพร และ ส่งบัตรอวยพรให้แก่กันและกัน จะไม่ได้ใช้เงินงบประมาณ หากใช้เงินส่วนตัว ซึ่งแม้จะไม่ได้มากมายนักก็ตาม แต่การนำระดับต่างๆ ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ในการปฏิบัตินโยบายประหยัด

ไม่เพียงแต่เรื่องบัตรอวยพรเท่านั้่น คำสั่งของนายกรัฐมนตรีซึ่งลงวันที่ 11 ธ.ค.2560 ยังให้บรรดารัฐมนตรี และ ระดับนำขั้นต่างๆ ทั่วประเทศ ต้องเน้นการประหยัด มัธยัสถ์ ไม่ฟุ่มเฟือย ในการจัดกิจกรรมปีใหม่ทุกชนิดอีกด้วย

เพียงปีเศษๆ ที่เข้าบริหารประเทศ รัฐบาลชุดปัจจุบันได้สร้างการเปลี่ยนแปลงขึ้นในสังคมอย่างมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ในหมู่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐ ตั้งแต่ส่วนกลางลงไปจนถึงระดับแขวง และ ท้องถิ่น และ การใช้มาตรการต่างๆ สกัดกั้นการรั่วไหล ในการใช้จ่ายเงินงบประมาณ จนถึงการกำจัดการรั่วไหลในการจัดเก็บภาษี เพื่อให้เก็บภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย สำหรับการพัฒนาประเทศ

เมื่อปีที่แล้วรัฐบาลลาว ได้ออกคำสั่งให้หยุดการตัดไม้ทำลายป่า ในทุกกรณี ห้ามการส่งออกไม้ และ ห้ามการเคลื่อนย้ายไม้ทุกชนิด ทุกประเภท ซึ่งถือเป็นการ "เซ็ตซีโร่" เพื่อเริ่มต้นกระบวนการบริหารจัดการทรัพยากรณ์ป่าไม้ใหม่ -- การปราบปรามการลักลอบตัดไม้ การลักลอบส่งออกไม้ และ การเข้มงวดกวดขั้น ตรวจตราเกี่ยวกับป่า การตัดไม้ซุง กับไม้แปรรูป ยังดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้

เดือน พ.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลมีคำสั่งโยกย้าย นายนาม วิยะะเกด เจ้าแขวง (ผู้ว่าราชการจังหวัด) แขวงอัตตะปือ หลังดำรงตำแหน่งมาเพียง 3 ปี โดยให้ไปรับตำแหน่งใหมในส่วนกลาง ซึ่งได้กลายเป็นเจ้าแขวงคนแรกที่ถูกโยกย้าย และ หลายฝ่ายกล่าวว่า จากเบื้องหลังนั้่น คือความบกพร่องในหน้าที่ เกี่ยวกับการบริหารจัดการเรื่องป่า กับไม้ซุง รวมทั้งการทุจริตคอร์รัปชั่น ของบรรดาเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่น

อัตตะปือเป็นแขวงหนึ่งที่รุ่มรวยด้วยทรัพยากรณ์ธรรมชาติ รวมทั้งป่าไม้ แต่เป็นแขวงมีปัญหาเรื่องป่าไม้และการตัดไม้ ตลอดจนการลักลอบส่งออกไม้มากที่สุด ถึงแม้รัฐบาลจะดำเนินนโยบายปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่า และห้ามส่งออกไม่ ห้ามเคลื้่อนย้ายไม้ทุกชนิด มาเป็นเวลากว่า 1 ปีก็ตาม -- ในแขวงภาคใต้แห่งนี้ยังเกิดปัญหาให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ.