MGRออนไลน์ -- นายกรัฐมนตรีลาวทองลุน สีสุลิด ได้ส่งคืนรถยนต์ประจำตำแหน่งราคาแพง ให้แก่รัฐแล้วในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นรถบีเอ็มดับลิว ซีรีส์ 7 (Series 7) และ เริ่มใช้รถคันใหม่ โตโยต้าคัมรี 2.5 ที่พบเห็นทั่วไปบนท้องถนน ส่วนเลขาธิการใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาวและประธานประเทศ เมื่อการจัดซื้อคัมรี่ 3.5 เรียบร้อย ก็จะส่งคืนทั้งซีรีส์ 7 และ เมอร์ซีเดสเบ็นซ์ S-Class คันงามในทันที
นายกรัฐมนตรีได้ออกดำรัสฉบับหนึ่ง ลงวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา แก้ไขระเบียบเดิมเกี่ยวกับรถประจำตำแหน่ง การนำระดับต่างๆ ซึ่งไม่มีรถเบ็นซ์กับบีเอ็มดับลิว อยู่ในบัญชีรายการอีก โดยเปลี่ยนมาเป็นรถยนต์นั่งกับรถประเภทจี๊บ-รถเอสยูวี ที่มีราคาถูกลงทั้งหมด และ มีสเป็กตรงกับโตโยต้าคัมรี และ โตโยต้าแลนด์ครูยเซอร์ ที่มีอยู่ในตลาดปัจุบันทั้งสิ้น
นั่นก็คือต่อแต่นี้ไป การนำระดับสูงของลาว ตั้งแต่ระดับกรรมการกรมการเมือง ศูนย์กลางพรรค ซึ่งรวมทั้งประธานประเทศ นายกฯ รัฐมนตรีว่าการ หัวหน้าฝ่ายนิติบัญญัติ รองนายกฯ อีก 2 คน และ รัฐมนตรีวาการกระทรวงป้องกันประเทศ ลงไปจนถึงรองประธานสภา กับตำแหน่งเทียบเท่า รวมทั้งหัวหน้าฝ่ายตุลาการ และระดับรอง ลงไปจนถึงเจ้าแขวง/รองเจ้าแขวงทั่วประเทศ จะใช้รถโตโยต้าเป็นหลัก โดยจะต้องส่งคืนรถยนต์หรู ที่ใช้มาก่อนหน้านี้ทั้งหมด
รถยนต์ที่ส่งคืนให้แก่รัฐนี้ จะถูกนำไปจำหน่าย โดยเปิดการประมูล เพื่อนำรายได้เข้ารัฐ หรือ ซื้อขายแลกเปลี่ยนกับรถยนต์ประจำตำแหน่งรุ่นใหม่ อันเป็นไปตามมติข้อตกลงร่วมกัน ที่บรรดาผู้นำระดับสูงของพรรคประชาชนปฏิวัติลาวและคณะรัฐบาล จะเปลี่ยนรถประจำตำแหน่งจากรถหรู ไปเป็นรถยนต์ที่ "มีราคาสมเหตุสมผล"
มีการระบุรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ในดำรัสนายกรัฐมนตรีฉบับล่าสุด ที่ว่าด้วยการสนอง และ การบริหารยานพาหนะ สำหรับการนำระดับสูง สำนักข่าวทางการรายงาน
"ການນຳລະດັບສູງຂອງປະເທດ ໄດ້ຕົກລົງເຫັນດີເປັນເອກະພາບນໍາກັນ ຕໍ່ການທີ່ຈະບໍ່ນຳໃຊ້ລົດທີ່ມີລາຄາແພງອີກຕໍ່ໄປ ເພື່ອເປັນການ ຫຼຸດຜ່ອນຄວາມຟູມເຟືອຍ.." สำนักข่าวสารปะเทดลาว อ้างความเห็นร่วมของการนำระดับสูง ที่จะไม่ใช้รถหรูราคาแพงต่อไป เพื่อลดการฟุ่มเฟือย ตั้งแต่ระดับบนลงสู่ระดับล่าง ของพรรคและรัฐบาลทั้งหมด
สำนักข่าวของทางการกล่าวด้วยว่า นายบุนยัง วอละจิต ประธานประเทศพร้อมจะส่งคืน รถบีเอ็มดับลิว ซีรีส์ 7 กับ เบ็นซ์ S-Class คืนให้แก่รัฐเช่นกัน เพียงแต่รอการจัดซื้อรถประจำตำแหน่งคันใหม่ให้เรียบร้อย ซึ่งคราวนี้จะเป็นโตโยต้าคัมรี่ซีดาน เครื่องยนต์ 3,500 ซีซี
.
2
ดำรัสล่าสุดของนายกรัฐมนตรีลาว ยังรวมถึงการลดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อพาหนะ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง จนถึงค่าซ่อมแซม และ ตัดรถยนต์ราคาแพงทุกรุ่น ทุกยี่ห้อออกจากบัญชีรถยนต์ประจำตำแหน่งว สำหรับการนำในทุกระดับ รวมทั้งรถที่ใช้ในงานของกระทรวง และหน่วยงานเทียบเท่าทั้งหมด
ดร.ทองลุน ได้ส่งคืนรถประจำตำแหน่งในวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา และ เริ่มใช้รถโตโยต้าคัมรี่ซีดาน เครื่องยนต์ 2,500 ซีซีแทน ถึงแม้ว่า ตามระเบียบใหม่นี้ ผู้นำรัฐบาลซึ่งเป็นกรรมการกรมการเมืองในอันดับที่ 2 มีสิทธิ์ใช้รถประจำตำแหน่ง ติดเครื่องยนต์ 3,500 ซีซี เท่ากับกรรมการกรมการเมืองคนอื่นๆ อีก 10 คนก็ตาม
เป็นที่น่าเชื่อว่า ตัวเลือกของนายกรัฐมนตรี จะส่งผลต่อกรรมการกรมการเมืองคนอื่นๆ ที่มีอันดับอาวุโสถัดลงไป และ อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาโดยตรง ซึ่งรวมทั้งรองนายกรัฐมนตรี 2 คน กับ รัฐมนตรีร่วมรัฐบาลอีก 1 คน ระดับเจ้าแขวงอีก 1 คน ซึ่งได้แก่ นายบุนทอง จิตมะนี กับ นายสอนไซ สีพันดอน รมว.ป้องกันประเทศ และ พล.ท.จันสะหมอน จันยาลาด รมว.ป้องกันประเทศ กับ นายสินละวง คุดไพทูน เจ้าครองนครเวียงจันทน์
นอกจากรถยนต์ประจำตำแหน่งแล้ว ยังมีรถยนต์หรูอีก 36 คัน เป็นเบ็นซ์ S-Class จำนวน 15 คัน E-Class อีก 21 คัน ที่เคยซื้อไปใช้ในงานของรัฐบาล เช่น รับแขกระดับสูงจากต่างประเทศ บางส่วนแบ่งไปให้การนำระดับสูง ใช้งานหลังจากนั้น ในจำนวนนี้จะเก็บ S-Class ไว้เพียง 1 0 คัน เพื่อใช้งานสำหรับรัฐบาลต่อไป จำนวนที่เหลือจะนำออกขายทั้งหมด
นอกจากนั้นก็ยังมี บีเอ็มดับลิว ซีรีส์ 7 อีก 11 คัน ที่ใช้โดยกรรมการกรมการเมืองของพรรค ชุดปัจจุบัน 6 คน อดีตกรรมการกรมการเมืองอีก 5 คน ที่เกษียนแล้ว ซึ่งรวมถึงอดีตนายกรัฐมนตรี 2 คน กับ อดีตเลขาธิการใหญ่พรรค อดีตประธานประเทศ ส่วนจะต้องส่งคืนหรือไม่อย่างไร ยังไม่ทราบรายละเอียด
ดำรัสของนายกรัฐมนตรีล่าสุด ได้แบ่งรถประจำตำแหน่ง สำหรับการนำระดับสูงออกเป็น 4 ระดับ คือ กรรมการกรมการเมืองศูนย์กลางพรรค ซึ่งเป็นองค์กรอำนาจสูงสุดของพรรค จำนวน 11 คน จะใช้รถยนต์นั่งเครื่องยนต์ไม่เกิน 3,500 ซีซี กับรถเอสยูวี (โตโยต้าแลนด์ครูยเซอร์) เครื่องยนต์ไม่เกิน 4,500 ซีซี และ รถกระบะอีก 1 คัน
.
3
ระดับเลขาธิการศูนย์กลางพรรค ซึ่งเป็นหน่วยงานดูแลงานประจำวันของพรรค รองประธานประเทศ รองประธานสภาแห่งชาติ รองนายกรัฐมนตรี จะได้รับรถยนต์ 2 คัน เป็นรถเก๋งนั่ง เครื่องยนต์ไม่เกิน 3,000 ซีซี 1 คัน กับจี๊บ/รถเอสยูวี เครื่องยนต์ไม่เกิน 4,500 ซีซีอีก 1 คัน
อีกระดับหนึ่งเป็นของกรรมการศูนย์กลางพรรค รัฐมนตรี ประธานกรรมาธิการสภาแห่งชาติ ประธานศาลประขาชนสูงสุด อัยการประชาชนสูงสุด และ เจ้าแขวงทั่วประเทศ จะได้รับพาหนะ 2 คัน เป็นรถเก๋งเครื่องยนต์ไม่เกิน 2,500 ซีซี กับ รถกระบะเครื่องยนต์ไม่เกิน 2,500 ซีซี
ลำดับที่สี่ เป็นระดับรองรัฐมนตรี (รัฐมนตรีช่วยว่าการ) รองประธานกรรมาธิการสภา รองประธานศาลประชาชนฯ รองอัยการประชาชนฯ กับ รองเจ้าแขวง ได้รถประจำตำแหน่ง 1 คัน ติดเครื่องยนต์ไม่เกิน 2,000 ซีซี
นั่นคือ การนำระดับ 1 และ 2 จะใช้รถยนต์เก๋งคัมรี่ 3.5 ซีดาน ส่วนระดับ 3-4 ได้คัมรี 2.5 และ 2.0 ตามลำดับ
นอกเหนือจากนี้ แต่ละกระทรวงและองค์การเทียบเท่า จะได้รับรถเอสยูวีจำนวน 3 คัน เพื่อใช้ในงานของรัฐ การนำระดับ 3 และ 4 จะไม่มีรถเอสยูวีสำหรับใช้ส่วนตัว รถอื่นๆ ที่เคยใช้มาก่อนหน้านี้ จะต้องส่งคืนให้แก่รัฐทั้งหมด
ดำรัสฉบับล่าสุดนี้ ยังกำหนดอัตราน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถประจำตำแหน่งอย่างชัดเจน คือ การนำระดับ 1 จำนวน 500 ลิตร ระดับ 2 ได้ 350 ลิตร ระดับ 3 ได้ 300 ลิตร และ ระดับ 4 ได้ 200 ลิตรต่อเดือน หากใช้มากกว่าที่กำหนด จะต้องจัดซื้อเอง
การนำที่เกษียน และ ยังใช้รถประจำตำแหน่ง ระเบียบใหม่กำหนดให้ต้องส่งคืน สำหรับการนำระดับ 2 และ 3 รัฐบาลอาจะพิจารณายกรถเอสยูวีให้เป็นของขวัญ หรือ ให้ซื้อในราคาพิเศษ เพื่้อครอบครองเป็นรถยนต์ส่วนตัว ส่วนการนำระดับ 4 จะไม่ได้รับรถประตำแหน่งใดๆ หลังออกรับบำนาญ.