MGRออนไลน์ -- กองทัพเรือเวียดนามเพิ่งทำพิธีบรรจุ เรือเร็วโจมตีติดอาวุธปล่อยนำวิถี (Fast Attack Missile Boat) อีก 2 ลำ เมื่อไม่กี่วันมานี้ เป็นเรือรบแฝดคู่ที่ 3 และเป็นคู่สุดท้าย ในโครงการต่อเรือทั้งหมด 6 ลำ ด้วยความร่วมมือช่วยเหลือ และ ถ่ายทอดเทคโนลยี จากสำนักออกแบบต้นฉบับของรัสเซีย ที่เซ็นกันในปี 2549
เรือทั้งหมดต่อในเวียดนาม และ ติดตั้งระบบอาวุธหลัก ที่ผลิตเองในเวียดนามภายใต้สิทธิบัตร พร้อมข้อตกลงถ่ายทอดเทคโนโลยีจากรัสเซีย ภายใต้โครงการร่วมมือเป็นเวลา 8 ปี ระหว่างสองฝ่าย
ภาพที่เผยแพร่ในเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ "กวานโด่ย เญินซเวิน เหวียดนาม" (Quân đội Nhân dân Việt Nam - กองทัพประชาชนเวียดนาม) แสดงให้เห็นพิธีบรรเรือทั้งสองลำ ที่บริเวณกองบัญชาการกองทัพเรือภาค 2 นครโฮจิมินห์ วันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา สื่อของทางการอีกหลายสำนัก ต่างเผยแพร่ภาพเรือรบ พร้อมกับข่าวพิธีบรรจุ ที่มีการสวนสนามโดยทหารเรือหลายร้อยนาย มีรองผู้บัญชาการกองเรือภาค 2 เป็นประธาน กงสุลใหญ่รัสเซีย ประจำโฮจิมินห์ รวมทั้งตัวแทนจากสำนักออกแบบกลางอัลมาซ (Almaz Central Design Bureau) จากนครเซ็นปีเตอร์สเบิร์ก รัสเซีย เดินทางไปร่วมในพิธีด้วย
นี่เคือเรือเร็วติดโจมตี ติดระบบอาวุธปล่อยนำวิถียิงเรือแบบ "อูราล" (3m24 "Ural") หรือ Kh-35E หรือ SS-N-25 "สวิตช์เบลด" (Switchblade) ในระบบของนาโต้ ที่ผลิตเองในเวียดนาม และ ยังสามารถติดตั้งระบบอาวุธปล่อยฯ ยิงเรือ อีก 2 ชนิดทั้งที่มีความเร็วเหนือเสียง ติดปืนใหญ่เรือ 76.2 มม. 1 กระบอก ปืนใหญ่ยิงเร็ว 30 มม. อีก 2 กระบอก ปืนกลยิงเร็วระยะประชิด "แกตลิ่งกัน" 30 มม.อีก 2 กระบอก -- แบบเดียวกันกับปืนยิงเร็ว "ซีวิส" (CIWS) ฟาลันซ์ (Phalanx) บนเรือรบสหรัฐ รวมทั้งระบบอาวุธต่อสู้อากาศยาน ติดระบบเรดาร์ตรวจไกล กับระบบควบคุมการยิง ที่ทันสมัย ผลิตในรัสเซีย
ระบบอาวุธประสิทธิภาพสูง ต่างๆ เหล่านี้ ทำให้เรือเร็วที่มีขนาดเพียง 550 ตัน กลายเป็นเรือโจมตีติดอาวุธหนัก มีเขี้ยวเล็บแพรวพราว จนหลายคนจัดเข้าในประเภท เรือคอร์แว็ต (Corvette) ซึ่งเป็นเรือรบรุ่นเล็กที่สุด ในสารระบบของโลกตะวันตก
เป็นที่ทราบกันดี -- เรือเร็วติดอาวุธปล่อยนำวิถีชั้นโมลีนยา (Molniya-Class) ทั้ง 4 ลำก่อนหน้านี้ ต่อที่อู่ต่อเรือบาเซิน (Ba Son) ในนครโฮจิมินห์ เช่นเดียวกัน อู่แห่งนี้ เป็นของบรรษัทบาเซินต่อเรือ หรือ Ba Son Shipyard Corp ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของกองทัพเรือ ที่มีประสบการณ์ในการต่อเรือชนิดต่างๆ ให้แก่กองทัพ สืบต่อกั้นมา เป็นเวลากว่า 100 ปี
.
เรือเร็วทั้งสองลำได้รหัสเป็นเรือ M5 กับ เรือ M6 และ ได้หมายเลขต่อเนื่องในระบบ เป็น 382 กับ 383 และ ทั้งสองลำจะส่งไปประจำ กองเรือรบน้อย 167 (ก่อตั้งขึ้นใหม่ ในเดือน พ.ย.2556 - บก.) ที่ อ.เญินจัก (Nhơn Trạc) จ.โด่งนาย ( Đồng Nai) ทางตอนเหนือของนครโฮจิมินห์ -- เว็บไซต์หรังสือพิมพ์กองทัพประชาชน รายงานก่อนหน้านี้ว่า เป็นกองเรือเร็วโจมตีติดอาวุธปล่อยนำวิถี ที่สามารถปฏิบัติการร่วมกับ กองทัพเรือภาค 2 หรือ ได้รับมอบหมายตรงจากกองทัพเรือ ให้ออกปฏิบัติการด้วยตนเองก็ได้
เรือชั้นโมลีนยา ต่อขึ้นตามโครงการ 1241.8 บนพื้นฐานของเรือโครงการ 1241 ที่พัฒนาต่อเนื่องมายาวนาน ตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต บรรจุประจำการล็อตแรก ในช่วงทศวรรษที่ 1990 และ ยังประจำการในกองทัพรัสเซีย มาจนถึงปัจจุบัน -- รุ่นที่ต่อในเวียดนามยาว 56.1 เมตร กว้างสุด 10.2 เมตร กินน้ำลึก 2.17 เมตร ทำให้สามารถปฏิบัติการ ตามแม่นำกับลำน้ำสายหลักต่างๆ ได้
ด้วยความเร็วสูงสุด 38 น็อต หรือ กว่า 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เทียบกับเรือโจมตีชายฝั่ง (Littoral Combat Ship) หรือ เรือ LCS ชั้นฟรีดอม (Freedom-Class) ขนาด 3,500 ตัน ของกองทัพเรือสหรัฐ ที่มีความเร็วสูงสุด 47 น็อต -- จึงใช้เรือโมลีนยา เป็นเรือเร็วตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง หรือ เรือลาดตระเวณชายฝั่ง หรือ เรือเร็วโจมตีชายฝั่ง ได้เช่นเดียวกัน
เรือสองลำก่อนหน้านี้ส่งมอบ และ ต่อมาทำพิธีบรรจุในเดือน เม.ย.2558 -- สองลำแรกก่อนหน้านั้น ส่งมอบ-บรรจุ ในเดือน ก.ค.2557 สื่อของทางการกล่าวว่า เรือชั้นโมลีนยาที่ต่อเองตามโครงการ มีมูลค่าลำละ 131.7 ล้านดอลลาร์ (4,675 ล้านบาท -รวมระบบอาวุธ - บก.) และ การต่อเรือรบขนาดเล็กทั้ง 6 ลำ นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของอุตสาหกรรมต่อเรือ กับกองทัพเรือ ซึ่งปัจจุบันทำให้มีเรือโมลีนยา เพิ่มขึ้นเป็นทั้งหมด 14 ลำ.