MGRออนไลน์ -- ประชาคมออนไลน์ในเวียดนามได้พร้อมใจกันแสดงความชื่นชม การตัดสินใจของกัปตันที่ไม่ทราบชื่อ ของสายการบินเวียดเจ็ตแอร์ เที่ยวบินเวียดนาม-เกาหลีใต้ ที่ยอมนำผู้โดยสารป่วยคนหนึ่ง กลับไปยังเวียดนามเพื่อช่วยชีวิต ถึงแม้ว่าการตัดสินใจดังกล่าว จะสร้างความสูญเสียทางธุรกิจให้แก่สายการบินแห่งนี้ หนักหน่วงพอสมควรก็ตาม
เหตุเกิดบนเที่ยวบินจากนครหายฝ่อง (Hải Phòng) ไปยังกรุงโซล คืนวันอังคาร 3 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยบินขึ้นจากสนามบินก๊าตบิ (Cát Bi) เมื่อเวลา 22.45 น. เพื่อตรงไปยังสนามบินนานาชาติอินชอนในเกาหลี แต่บินไปได้ 30 นาที เจ้าหน้าที่บริการบนเครื่อง ได้พบผู้โดยสารสตรีชาวเกาหลีคนหนึ่ง มีอาการหายใจติดขัดอย่างรุนแรง จึงได้เข้าปฐมพยาบาล และ ให้สวมหน้ากากออกซิเจน แต่สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้น จึงรายงานให้กัปตันทราบ
กัปตันที่ไม่ปรากฏชื่อของเที่ยวบินดังกล่าว ได้ตัดสินใจนำเครื่องหันหัวกลับไปยังเวียดนาม และ ขอไปลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงฮานอย ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินนครหายฝ่อง ไปทางทิศตะวันตกกว่า 100 กิโลเมตร แต่ที่นั่นมีสถานรักษาพยายามที่อยู่ใกล้สนามบิน และมีความพร้อมมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามวิกาลเช่นนี้
เมื่อเครื่องบินลงจอด แพทย์และพยาบาลที่รออยู่พร้อมแล้ว ได้รีบรุดขึ้นบนเครื่อง ทำการตรวจอาการผู้โดยที่ป่วยในทันที ก่อนจะนำลงจากเครื่อง ไปทำการตรวจวิเคราะห์อาการต่อ จนกระทั่งในที่สุดคุณหมอ ได้วินิจฉัยว่าผู้โดยสารสตรีรายนี้ ไม่สามารถที่จะเดินทางต่อไปได้ -- ซึ่งอาจจะหมายความว่า หากกัปตันไม่ตัดสินใจนำเครื่องกลับไปลงในเวียดนาม ผู้โดยสารรายนี้ก็อาจจะเสียชีวิตระหว่างทางได้
แต่การตัดสินใจของกัปตัน หมายถึงการทำให้เที่ยวบินนี้ต้องบินนานขึ้นอีก 1 ชั่วโมง และ เสียเวลาบนพื้นเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งหมายถึงค่าใช้จ่ายมหาศาล ยังไม่นับรวมกับค่าเสียหาย อันเกิดจากผลกระทบอื่นๆ ที่จะติดตามมา
ถ้าหากจะเปรียบเทียบให้เห็นเป็นรูปธรรมก็คือ หากบินจากสนามบินสุวรรณภูมิของไทย ไปยังนครโฮจิมินห์ในเวียดนาม ซึ่งจะใช้เวลาบินโดยเฉลี่้ยประมาณ 1 ชั่วโมงกับ 30 นาที ขึ้นอยู่กับชนิดของเครื่องบินและเที่ยวบิน และ หากบินไปประมาณ 30 นาที ก็จะได้ระยะทางราว 1 ใน 3 ของระยะทางทั้งหมด นั่นคือกำลังบินอยู่เหนือตอนกลางๆ ของกัมพูชา ก่อนกัปตันจะหันหัวกลับไปยังท่าอากาศยานนานาชาติ ในจังหวัดสมุทรปราการอีกครั้ง
เมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปกว่า 10 ชั่วโมงมานี้ มีชาวออนไลน์เวียดนามนับพันๆ คน เขียนชื่นชมการตัดสินใจของกัปตันนิรนาม ในเว็บไซต์ต่างๆ ทั้งยกย่องที่ช่วยรักษาชีวิตของผู้โดยสารคนหนึ่งเอาไว้ได้ทัน
.
2
ตามรายงานของสำนักข่าวออนไลน์ภาษาเวียดนาม เที่ยวบินกรุงโซลของเวียดเจ็ตแอร์ เสียเวลาอยู่ที่สนามบินโนยบ่ายกรุงฮานอยอีกราว 1 ชั่วโมงเพื่อรอติดตามข่าวคราวเกี่ยวกับสุขภาพของผู้โดยสาร และ เมื่อแพทย์ยืนยันว่าไม่สามารถเดินท่างต่อไปได้ กัปตันจึงขอนำเครื่องขึ้นบินอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น.วันพุธ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา เพื่อเดินทางต่อไปยังกรุงโซลปลายทาง
ตัวแทนของเวียดเจ็ตแอร์ในกรุงฮานอยกล่าว ในวันพุธว่า การช่วยเหลือผู้โดยรายนี้ ส่งผลกระทบถึงผู้โดยทั้งหมดกว่า 200 คนบนเที่ยวบินเดียวกัน และ ยังสร้างความเสียหายทางด้านธุรกิจให้แก่บริษัทสายการบินเอกชนแห่งนี้อีกด้วย แต่สำหรับกรณีนี้ -- "ชีวิตเป็นสิ่งที่จะต้องมาก่อนเรื่องอื่น"
สายการบินยังต้องดูแลการเดินทางกลับ ของผู้ป่วยกับสมาชิกครอบครัวอีก 3 คนที่เดินทางในเที่ยวบินเดียวกันนี้ และ ไม่ใช่แค่นั้น -- ตามหลักปฏิบัติทั่วไป ถ้าหากสายการบินทำให้เกิดการเสียเวลา ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารที่จะเดินทางต่อไปกับเที่ยวบินอื่นที่ปลายทาง ก็ยังจะต้องงดูแลอำนวยความสะดวก ให้แก่ผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบเหล่านั้นอีกด้วย
เวียดเจ็ตแอร์ขยายเส้นทางบินออกไปทุกทิศทุกทาง และ ทะยานขึ้นเป็นส่ายการบินใหญ่อันดับสองในเวียดนาม โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี เป็นรองจากเวียดนามแอร์ไลน์สเท่านั้น แต่เมื่อไม่นานมานี้ได้มีข่าวว่า ปัจจุบันมูลค่าทรัพย์สินของเวียดเจ็ตแอร์ในตลาดหลักทรัพย์นครโฮจิมินห์นั้น สูงกว่าสายการบินแห่งชาติด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม สถิติขององค์การการบินพลเรือนเวียดนามบ่งชี้ว่า VJA เป็นเบอร์ 1 ของบรรดาสายการบิน ที่มีเที่ยวบินดีเลย์มากที่สุด ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ สำหรับเส้นทางบินในประเทศ ทั้งนี้ด้วยหลากหลายสาเหตุ แต่เหตุการณ์เมื่อวันอังคาร จนถึงเช้าตรู่วันพุธที่ผ่านมา ทำให้ชาวออนไลน์หลายคนบอกว่า -- ตนพอจะเข้าใจแล้ว บางทีบางเที่ยวบินก็ต้องมีดีเลย์เพราะความจำเป็น
ตามรายงานของสื่อออนไลน์ เหตุการณ์ล่าสุดไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร เวียดเจ็ตแอร์มีประสบการณ์มามากมาย เกี่ยวกับสุขภาพของผู้โดยสารบนเครื่อง รวมทั้งที่เกี่ยวกับโรคหัวใจ โรคทางเดินหายใจไม่ปรกติ กับความดันโลหิตสูง ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากความกดที่เปลี่ยนไป ขณะบินอยู่ในอากาศ จึงได้กำชับให้พนักงานสอบถามข้อมูล เกี่ยวกับสุขภาพผู้โดยสารที่จองตั๋วทุกครั้ง รวมทั้งความต้องการให้ช่วยเหลือ ในหลายกรณีได้ให้คำแนะนำเบื้องต้น ในการเตรียมตัวเพื่อการเดินทางโดยปลอดภัย.