“ฮุนเซน” เปลี่ยนใจไม่สั่งปิดองค์กรต่างชาติหลังยอมขอโทษกรณีดูหมิ่นประเทศเรื่องค้ากามเด็ก

เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา เปิดเผยในวันนี้ (22) ว่า จะไม่ปิดองค์กรการกุศลของชาวคริสเตียนที่ช่วยเหลือเหยื่อค้ากามเด็ก หลังองค์กรการกุศลกล่าวคำขอโทษจากกรณีที่ปรากฏตัวอยู่ในรายงานสื่อที่ผู้นำเขมรไม่ชอบใจ

เมื่อต้นเดือน นายกฯ ฮุนเซน สั่งให้องค์กรการกุศล Agape International Missions (AIM) ปิดดำเนินการ หลังองค์กรการกุศลดังกล่าวปรากฏอยู่ในรายงานของสถานีโทรทัศน์ CNN ที่เขาระบุว่า เป็นการดูหมิ่นประเทศ

“ในตอนนี้ AIM ได้แสดงการขอโทษ และความผิดพลาดอยู่ที่ซีเอ็นเอ็น” ฮุนเซน กล่าว

กัมพูชาเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการท่องเที่ยวทางเพศมาเป็นเวลายาวนาน และเด็กมักตกเป็นเหยื่อของการค้ากาม

รายงานของซีเอ็นเอ็นที่ออกอากาศเมื่อเดือนก่อน นำเสนอเด็กหญิง 3 คน ที่ถูกระบุว่า ได้รับการช่วยเหลือจากการค้าประเวณีโดยองค์กรการกุศล AIM องค์กรการกุศลที่ตั้งขึ้นโดยบาทหลวงชาวอเมริกัน และดำเนินการอยู่ในกัมพูชาตั้งแต่ปี 2531

เด็กทั้ง 3 คนนี้ปรากฏตัวครั้งแรกในรายงานสารคดีของซีเอ็นเอ็นเมื่อปี 2556 เกี่ยวกับย่านสวายปัก (Svay Pak) ย่านยากจนชานกรุงพนมเปญ ซึ่งซีเอ็นเอ็นนำเสนอเนื้อหาต่อเนื่องในปีนี้

ย่านสวายปัก มีชื่อเสียงอื้อฉาวจากการเป็นแหล่งค้าประเวณีเด็ก จนกระทั่งทางการกัมพูชาดำเนินการปราบปรามในต้นทศวรรษ 2000 แต่สารคดีระบุว่า การค้าดังกล่าวยังคงดำเนินอยู่ต่อเนื่อง

รายงานของซีเอ็นเอ็นอ้างคำกล่าวของ ดอน บรูวสเตอร์ ผู้ก่อตั้งองค์กรการกุศล ว่า สวายปักเป็นจุดศูนย์กลางของการค้าประเวณีเด็ก และแม้ว่ามีหลายสิ่งได้รับการพัฒนาปรับปรุงขึ้นในช่วงหลายปีมานี้ แต่การค้าประเวณีเด็กยังคงเกิดขึ้นอยู่อย่างลับๆ

หนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์ ระบุว่า บรูวสเตอร์ ได้กล่าวขอโทษอย่างจริงใจระหว่างแถลงข่าวในวันจันทร์ (21) และระบุว่า ตัวเขา และ AIM ถูกกล่าวหาอย่างไม่ถูกต้องว่าเขาทำงานร่วมกับซีเอ็นเอ็นเพื่อที่จะดูหมิ่นหญิงชาวกัมพูชา

ฮุนเซน และชาวเขมรรักชาติระบุว่า รายงานบนเว็บไซต์ของซีเอ็นเอ็นเวอร์ชันก่อนหน้า อ้างว่า เด็กหญิงที่ปรากฏในรายงานข่าวเป็นชาวกัมพูชา ซึ่งความเป็นจริงแล้วเด็กหญิงเหล่านั้นพูดภาษาเวียดนาม หรือภาษาเขมรที่มีสำเนียงเวียดนาม ซึ่งในเวลาต่อมา ซีเอ็นเอ็นได้ถอดคำว่าชาวกัมพูชาออกจากพาดหัวรายงานชิ้นนั้น

ผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านสวายปัก ส่วนมากเป็นผู้อพยพชาวเวียดนาม และจากการบุกจู่โจมของตำรวจ การดำเนินคดี และความพยายามขององค์กรการกุศลต่างๆ ได้แสดงให้เห็นว่า เด็กจากครอบครัวกัมพูชาที่ยากจนมีความเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อการค้าประเวณี.