ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เผยความคืบหน้าคดีค้ากามเด็กสาวแม่ฮ่องสอน ยันการชี้ตัว อบต.บ้านใหม่ ไม่ได้กดดันหรือชี้นำผู้เสียหาย เตรียมออกหมายเรียก “ปลัดจอมแฉ” เข้าให้ข้อมูลพนักงานสอบสวนแทนจ้อผ่านสื่อ แย้มอาจทำให้ผู้ว่าฯ ที่ถูกพาดพิงสบายใจขึ้น
วันนี้ (13 พ.ค. 60) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยความคืบหน้าคดีบังคับเด็กสาวค้าประเวณีที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ภายหลังการประชุมร่วมกับทีมสืบสวนสอบสวนคดีค้ามนุษย์และค้าประเวณีของตำรวจภูธรภาค 5 ที่ลงพื้นที่ติดตามคดีในจังหวัดแม่ฮ่องสอนว่า ขณะนี้การสืบสวนสอบสวนในคดีการค้าประเวณีเด็กสาวในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทั้งจากการรวบรวมหลักฐานและสอบพยานมีความคืบหน้าไปมาก โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับคณะของ อบต.บ้านใหม่ จังหวัดนนทบุรี ที่เดินทางมาดูงานและเด็กสาวได้ชี้ตัวคนที่ซื้อบริการทางเพศซึ่งจะมีการเชิญตัวมาให้ปากคำต่อไป
ส่วนกรณีที่นายบุญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ช่วยราชการ กอ.รมน.จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในฐานะประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย ออกมาให้ข้อมูลว่าพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 มีการกดดันและชี้นำเด็กสาวในการให้ชี้ตัวคนที่ซื้อบริการทางเพศ ทั้งที่เด็กสาวไม่เต็มใจนั้น พล.ต.ท.พูลทรัพย์ยืนยันว่า ในการสอบปากคำเด็กสาวและให้ชี้ตัวนั้นมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมครบทุกฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ หรือผู้แทนองค์กรพัฒนาเอกชน และเป็นการดำเนินการอย่างโปร่งใส โดยในส่วนของนายบุญฤทธิ์ที่ออกมาให้ข้อมูลต่างๆ ผ่านสื่อนั้น จากนี้เตรียมจะมีการออกหมายเรียกเพื่อเชิญมาให้ข้อมูลต่างๆ ต่อพนักงานสอบสวน แทนที่จะให้ผ่านสื่อเหมือนที่ผ่านมา
สำหรับประเด็นที่มีการพาดพิงไปถึงผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอนว่าอาจเกี่ยวข้องในการซื้อบริการทางเพศเด็กสาวนั้น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า จากการข้อมูลที่ได้จากพยานและหลักฐานต่างๆ ที่รวบรวมได้ชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ เบื้องต้นน่าจะทำให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ถูกพาดพิงสบายใจขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม จากนี้ยังจะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดให้แน่ชัดกว่านี้ รวมทั้งประเด็นที่ว่าในวันเวลาและสถานที่ที่มีการระบุว่าเกิดเหตุนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนไม่ได้อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ แต่อยู่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งจะต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนเสียก่อนที่จะมีการยืนยันอย่างหนึ่งอย่างใด
“โดยในคดีนี้ได้มีการกำชับสั่งการทีมพนักงานสอบสวนทุกคนแล้วว่าต้องทำงานเต็มที่เพื่อทำความจริงให้ปรากฏและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายและพยานหลักฐาน ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด”