MGRออนไลน์ -- เรือดำน้ำลำที่ 6 ที่ซื้อจากรัสเซีย ออกเดินทางจากท่าเรือนครเซ็นปีเตอร์สเบิร์ก วันศุกร์ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา มุ่งหน้าสู่ช่องแคบสิงคโปร์ เพื่อผ่านไปยังบ้านหลังใหม่ ฐานทัพเรือใหญ่อ่าวกามแรง (Cam Ranh) ในภาคกลางเวียดนาม เมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา เว็บไซต์ Marinetraffic.Com แสดงให้เห็นเรือโรลด็อกสตอร์ม (Rolldock Storm) เรือขนส่งทางทะเลขนาดใหญ่ กำลังแล่นออกจากบริเวณอ่าวฟินแลนด์ ซึ่งเป็นน่านน้ำสากลในทะเลบัลติก
บ่าเหรียะ หวุงเต่า (Baria Vung Tau) เป็นเรือดำน้ำชั้นคิโล (Kilo-Class) ลำที่ 6 ในจำนวนทั้งหมด 6 ลำ ที่เวียดนามซื้อจากรัสเซียในปลายปี 2552 มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งแพ็กเกจการฝึกอบรมบุคลากร และ การก่อสร้างท่าเทียบเรือ และอู่ซ่อมบำรุง ทั้งนี้เป็นรายงานของสื่อทางการรัสเซีย
คาดว่าเรือดำน้ำลำล่าสุด จะไปถึงสิงคโปร์วันที่ 16 ม.ค.ปีหน้า โดยใช้เวลาเดินทางราว 38 วัน เร็วกว่าทุกๆ เที่ยวที่ผ่านมา ที่ใช้เวลาราว 45 วัน เมื่อปีที่แล้ว เรือของเนเธอร์แลนด์ลำเดียวกันนี้ เคยนำเรือดำน้ำแค้งฮวา (Khanh Hoa) ไปส่งให้เวียดนามถึงฐานทัพอ่าวกามแรง โดยใช้เส้นทางเดียวกัน สื่อทางการรัสเซียรายงาน
เรือกำลังจะแล่นเข้าสู่บริเวณทะเลเหนือ ช่องแคบอังกฤษ ก่อนวกลงใต้เลียบชายฝั่งยุโรป ลงไปอ้อมแหลมกู้ดโฮป ที่ปลายสุดของทวีปแอฟริกา เข้าสู่มหาสมุทรอินเดีย และ ช่องแคบสิงคโปร์ ตามลำดับ
ก่อนหน้านี้ เรือโรลด็อกสตอร์ม จอดรอที่บริเวณท่าเรือใหญ่ นครเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก เป็นเวลากว่า 10 วัน โดยมีกำหนดจะออกเดินทาง ตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค. แต่เนื่องจากทะเลมีน้ำแข็งปกคลุมหนา จึงต้องรอให้ภูมิอากาศอบอุ่นขึ้น ทั้งนี้เป็นรายงานในเว็บไซต์ของอู่ต่อเรือแอดมิรัลติ (Admiralty Ship Yard) ซึ่งเป็นผู้ต่อเรือดำน้ำทั้ง 6 ลำให้แก่กองทัพเรือเวียดนาม รวมทั้งเรือชั้นเดียวกันสำหรับกองทัพเรือรัสเซียด้วย
เรือโรลด็อกสตอร์ม นำเรือบ่าเหรียะหวุงเต่า ออกเดินทางในตอนบ่ายวันศุกร์ และ กราฟฟิกล่าสุดในเว็บไซต์ Marinetraffic.Com ที่ติดตามเรือเดินทะเลทั่วโลกแบบ "เรียลไทม์" แสดงให้เห็นเรือขนส่งขนาดใหญ่ลำนี้ แล่นปะปนกับเรืออื่นๆ ในบริเวณตะวันตกสุดของอ่าวฟินแลนด์ ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเฮลซิงกิ กับกรุงทาลลิน ที่อยู่ทางฝั่งตรงกันข้ามในสาธารณรัฐเอสโทเนีย และ กำลังเข้าสู่ทะเลเหนือ
.
2
3
เวียดนามได้กลายเป็นประเทศที่มีกองเรือดำน้ำใหญ่โตที่สุด และทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่อหน้าสิ่งที่เรียกว่า "ภัยคุกคามจากจีน" ที่ประกาศเป็นเจ้าของผืนน้ำทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด และเกาะทุกเกาะในทะเลเปิด ที่เป็นน่านน้ำสากลมานานหลายศตวรรษ รวมทั้งหมู่เกาะสแปร็ตลีย์ ที่เป็นเขตแดนพิพาทกับอีกหลายประเทศ -- ฟิลิปปินส์ บรูไน มาเลเซีย และ เวียดนาม ในย่านนี้่ด้วย
เรือดำน้ำ 5 ลำ ที่ได้รับมอบก่อนหน้านี้ได้แก่ เรือนครฮานอย หมายเลข 182 (31 ธ.ค.2556) เรือนครโฮจิมินห์ 183 (149 มี.ค.2557) เรือนครหายฝ่อง 184 (28 ม.ค.2558) เรือแค้งฮวา 185 (30 มิ.ย.2558) กับเรือนครด่าหนัง 186 (2 ก.พ.2559) และ ลำสุดท้าย บ่าเหรียะ หวุงเต่า จะเป็นหมายเลข 187
"คิโล" เป็นชื่อเรียกของกลุ่มนาโต้ ซึ่งก็คือ โครงการ 636 "วาร์ชาฟยันกา" (Varshavyanka) ของรัสเซีย และ โครงการ 636.1 สำหรับเรือที่ต่อให้เวียดนาม ใช้เครื่องยนต์ดีเซลกับมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ขึ้นชื่อในเรื่องความเงียบที่เป็นคุณสมบัติสำคัญยิ่ง ติดท่อยิงตอร์ปิโด 6 ท่อ ติดระบบอาวุธปล่อยนำวิถีแบบคาลิเบอร์ (Kalibr) หรือ "คลูบ" (Klub) สหรับรุ่นส่งออก มีระยะยิงไกล 300 กิโลเมตร ยิงเป้าหมายบนบกได้
คาลิเบอร์เป็นระบบอาวุธปล่อยนำวิถียิงจากเรือ ที่รัสเซียใช้ในการยิงทำลาย ที่ตั้งกลุ่มไอซิสในซีเรีย มาหลายครั้ง ทั้งรุ่นที่ยิงระยะใกล้ และ ไกลออกไป 1,000-2,000 กม.