ซินหวา - กัมพูชาได้มีหนังสือเตือนว่าจะยุติการปรากฏตัวของสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ในประเทศ หากบันทึกความเข้าใจ (MoU) ฉบับใหม่ระหว่างสองประเทศยังไม่สามารถลงนามกันได้ภายในสิ้นปีนี้
ในจดหมายที่ส่งถึง เซอิด ราอัด อัล ฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชน เมื่อวันอังคาร (22) และนำออกเผยแพร่ผ่านสื่อในวันศุกร์ (25) ปรัก สุคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชากล่าวว่า บันทึกความเข้าใจฉบับล่าสุด ที่อนุญาตให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายในกัมพูชา หมดอายุลงตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2558 แต่สำนักงานยังคงดำเนินการอยู่ในประเทศ
“แม้กัมพูชามีความมุ่งมั่น และปรารถนาดีต่อความก้าวหน้าของสิทธิมนุษยชน และหลักนิติธรรม แต่สภาพการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไม่สามารถอนุญาตให้ดำเนินการได้โดยไม่มีข้อกำหนด และรัฐบาลกัมพูชาได้ตัดสินใจที่จะรอจนถึงเดือน ธ.ค.2558 สำหรับการยืนยันของ OHCHR ที่จะสรุปบันทึกความเข้าใจฉบับใหม่ระหว่างรัฐบาลกัมพูชา และ OHCHR บนพื้นฐานของหลักปฏิบัติของการเคารพอธิปไตย และไม่แทรกแซงกิจการภายในของกัมพูชา ตามมาตราที่ 2 (วรรค 7) ของกฎบัตรสหประชาชาติ มิฉะนั้น รัฐบาลกัมพูชาไม่มีทางเลือกที่จะต้องดำเนินการตามสิทธิอธิปไตยของตนเกี่ยวกับอนาคตของการปรากฏตัวของ OHCHR ในกัมพูชา” รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ระบุ
นายปรัก สุคน ยังระบุว่า คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นหลังรัฐบาลได้ตั้งข้อสังเกตว่า OHCHR ในกัมพูชามักกระทำการเกินขอบเขตของบทบาทหน้าที่ที่กำหนดในบันทึกความเข้าใจ
“แม้ความพยายามของรัฐบาลกัมพูชาที่จะเพิ่มความร่วมมือที่สร้างสรรค์ และมีประสิทธิภาพบนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน แต่ OHCHR กลับแทรกแซงกิจการภายในของกัมพูชา มากไปกว่านั้น ผู้แทน และโฆษกของ OHCHR ยังแสดงพฤติกรรมที่ไม่เคารพต่ออธิปไตยของกัมพูชาอันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ และขัดต่อมารยาททางการทูตตามที่ระบุไว้ในอนุสัญญากรุงเวียนนา ว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตปี 2504” ปรัก สุคน กล่าว
กัมพูชา อนุญาตให้ OHCHR ปรากฏตัวในประเทศตั้งแต่ปี 2536 ผ่านข้อตกลงทวิภาคีที่ได้รับการต่ออายุอยู่หลายครั้ง.