เอเอฟพี - กัมพูชากลายเป็นประเทศล่าสุดที่ออกคำสั่งห้ามรับอุ้มบุญเชิงพาณิชย์ หลังหลายประเทศในโลกควบคุมอุตสาหกรรมดังกล่าว จนทำให้การรับอุ้มบุญที่ขาดการควบคุมในประเทศนั้นเฟื่องฟู
หน่วยงานที่รับดำเนินการการอุ้มบุญเริ่มผุดขึ้นในกัมพูชา หลังอดีตศูนย์กลางอย่างไทย และอินเดียห้ามชาวต่างชาติใช้บริการ นับตั้งแต่เกิดเหตุอื้อฉาว และมีความวิตกเกี่ยวกับการแสวงหาผลประโยชน์จากกิจกรรมดังกล่าว และด้วยค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ที่มีราคาถูก และไม่มีกฎหมาย ทำให้ความต้องการที่มีอยู่เป็นจำนวนมากพุ่งมาที่กัมพูชาอย่างรวดเร็ว
รัฐบาลได้ออกคำสั่งส่งไปยังคลินิกเจริญพันธุ์ของประเทศห้ามรับอุ้มบุญโดยเด็ดขาดตั้งแต่ตอนนี้ ตามประกาศที่ลงนามโดยกระทรวงสาธารณสุข เมื่อสัปดาห์ก่อน ได้ร้องขอให้ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ทั้งหมดปฏิบัติตามคำสั่ง แม้จะยังไม่มีการกำหนดบทลงโทษทางกฎหมายก็ตาม
โฆษกกระทรวงกิจการสตรีกัมพูชา กล่าวว่า รัฐบาลกำลังทำงานเกี่ยวกับกฎระเบียบที่จะป้องกันการละเมิดสิทธิในอุตสาหกรรมซึ่งเป็นที่ถกเถียงนี้ และผิดกฎหมายในหลายประเทศ
“นี่คือช่วงของการเปลี่ยนผ่านเพราะเราไม่มีกฎหมายการอุ้มบุญ เรากำลังมองหามาตรการที่เป็นไปได้อื่นๆ ที่จะตอบสนองต่อเรื่องนี้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจเป็นกฎหมายอุ้มบุญ ที่รวมทั้งการปกป้องคุ้มครองผู้หญิง และเด็ก เพื่อที่พวกเขาจะไม่กลายเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์” โฆษกกระทรวงกิจการสตรี กล่าว
แซม เอเวอริ่งแฮม ผู้อำนวยการองค์กรเอกชนด้านการส่งเสริมการอุ้มบุญ Families Through Surrogacy กล่าวตำหนิคำสั่งห้ามอย่างกะทันหันนี้ และระบุว่า มีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในหมู่พ่อแม่ที่คาดหวัง และผู้หญิงที่รับอุ้มท้องแทนซึ่งกำลังเผชิญต่ออนาคตที่ไม่แน่นอน
“การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ไม่เอื้อต่อผู้หญิงที่รับอุ้มท้อง หรือเด็ก เพราะขาดข้อมูลและความชัดเจน การรับอุ้มบุญในกัมพูชาเติบโตรวดเร็วมาก กัมพูชากลายเป็นความหวังสุดท้ายของคู่รักจำนวนมากที่ก่อนหน้านี้พยายามหาบริการเช่นนี้ในประเทศไทย” เอเวอริ่งแฮม กล่าว.