“หมอพิสิฐ” ดอดพบพนักงานสอบสวน “คดีอุ้มบุญ” ตอน 4 ทุ่ม ปฏิเสธข้อกล่าวหา ส่วนใบอนุญาตประกอบกิจการ-เอกสารสำคัญ จะยื่นให้ภายหลัง
เมื่อเวลา 22.00 น. วานนี้ (8 ก.ย.) ที่ สน.ลุมพีนี นพ.พิสิฐ ตันติวัฒนกุล แพทย์เจ้าของคลินิกออลไอวีเอฟ ย่านเพลินจิต และเป็นแพทย์ผู้ทำอุ้มบุญเด็กให้กับ นายชิเกตะ มัสซึโตกิ นักธุรกิจชาวญี่ปุ่น พร้อมทนายความ เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา 2 ข้อ คือ ไม่ควบคุมและดูแลให้แพทย์ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในสถานพยาบาล ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรม และประกอบกิจการและดำเนินสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต
โดย พ.ต.อ.ไชยา คงทรัพย์ ผกก.สน.ลุมพินี และ พ.ต.อ.เดชา พรมสุวรรณ์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมกันสอบปากคำ นพ.พิสิฐ โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
นพ.พิสิฐ กล่าวภายหลังรับทราบข้อกล่าวหา และให้ปากคำด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยว่า สาเหตุที่เข้าพบพนักงานสอบสวนล่าช้า เนื่องจากอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ที่สุด เพื่อใช้ยืนยันความบริสุทธิ์ของตน ขณะเดียวกัน บิดาป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ตนในฐานะที่เป็นลูกและเป็นแพทย์ จึงอยากดูแลผู้เป็นพ่ออย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า ตนศึกษาจบด้านเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ จากประเทศออสเตรเลีย รวมทั้งการเปิดให้บริการสถานพยาบาลออลไอวีเอฟ มีใบอนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมาย และมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพจากทางด้านสูตินรีแพทย์ครบถ้วนทุกอย่าง จึงอยากจะขอความเห็นใจจากสังคม ส่วนด้านคดีความขอให้ทนายความเป็นผู้รับผิดชอบ
ด้าน นายรุ่งโรจน์ ดิจบรรจง ทนายความ กล่าวว่า นพ.พิสิฐ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ส่วนใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล รวมทั้งเอกสารสำคัญ จะนำมายื่นต่อพนักงานสอบสวนภายหลัง ทั้งนี้ ทีมทนายความได้เตรียมยื่นฟ้องศาลปกครองเพื่อเพิกถอนข้อบังคับบางข้อของแพทยสภา ที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
พ.ต.อ.เดชา กล่าวว่า นพ.พิสิฐ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมทั้งจะนำเอกสารใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลออลไอวีเอฟ มายื่นต่อพนักงานสอบสวน หลังจากนี้ จะนัด นพ.พิสิฐ พร้อมกับ นายรุ่งโรจน์ สอบปากคำเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้งภายใน 30 วัน ส่วนแม่อุ้มบุญ 2 ราย ยังไม่ได้ประสานมาแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปรากฏตัวของ นพ.พิสิฐ ครั้งนี้ เป็นที่สนใจของสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างชาติเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนักข่าวชาวญี่ปุ่นทุกสำนัก ที่ปักหลักรายงานความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง