โดย...พญ.ชนิตา เกษประทุม สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลเวชธานี
อาการปวดท้องประจำเดือนที่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักเป็นกันเกือบทุกเดือน ซึ่งบางคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีอาการปวดท้องประจำเดือนเรื้อรังและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ นั่นหมายถึงว่า คุณอาจจะมีโรคร้ายซ่อนอยู่ก็เป็นได้
อาการปวดท้องประจำเดือนสาเหตุหลักๆแบ่งออกเป็น 2 สาเหตุ คือ 1. อาการปวดที่ไม่มีพยาธิสภาพในอุ้งเชิงกราน เป็นอาการปวดประจำเดือนซึ่งตรวจแล้วไม่พบโรคในอุ้งเชิงกรานโดยอาการปวดมักเกิดขึ้นในช่วงกลางรอบเดือนซึ่งเป็นช่วงของไข่ตก หรือปวดในช่วงรอบเดือนโดยมักเริ่มมีอาการตั้งแต่อายุน้อยหรืออายุที่เริ่มมีรอบเดือน กรณีการทานยาแก้ปวดอาจจะช่วยบรรเทาอาการได้
2. อาการปวดที่มีพยาธิสภาพในอุ้งเชิงกราน อาการปวดอาจจะมีอาการรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จากเคยปวดเพียงวันเดียวต่อมาจำนวนวันอาจมากขึ้น หรือจากเคยปวดระดับที่ทนได้ไม่ต้องใช้ยาแก้ปวดแต่กลับต้องใช้มากขึ้นและถี่ขึ้น หรือในบางรายมากจนต้องหยุดเรียน หรือหยุดงาน โรคที่พบบ่อย เช่น โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ อธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น ก็คือ โดยปกติแล้วเยื่อบุโพรงมดลูกจะต้องอยู่ในโพรงมดลูกแต่หากเยื่อบุโพรงมดลูกฝังตัวที่อวัยวะอื่น ๆ เช่น ในอุ้งเชิงกราน ที่มดลูก หรือที่รังไข่ก็จะทำให้มีอาการปวดโดยมักมีอาการเป็นรอบตามช่วงของรอบเดือน
กรณีที่ฝังตัวที่มดลูกและมีการเติบโตเร็วจะทำให้มีเนื้องอกที่มดลูกหรือหรือมดลูกโตผิดปกติ หรือหากฝังตัวที่รังไข่จะทำให้มีซีสต์ที่รังไข่ได้ และหากฝังตัวที่อุ้งเชิงกรานบริเวณที่มีปมประสาทกรณีนั้นยากแก่การตรวจพบและวินิจฉัย การตรวจโดยการส่องกล้องดูในอุ้งเชิงกรานจึงมีประโยชน์หากตรวจไม่พบสาเหตุ
การรักษาอาการปวดประจำเดือนจะมีด้วยกัน 3 หลักใหญ่ ๆ คือ 1. การใช้ยาแก้ปวด โดยให้ทานตั้งแต่เริ่มปวดวันแรกและทานต่อเนื่องในวันที่ปวดเพื่อป้องกันก่อนปวดจะช่วยควบคุมอาการปวดได้ดีกว่ารับประทานเมื่อมีอาการปวดแล้ว 2. การใช้ฮอร์โมนในการรักษาโดยแพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสม และ 3.การผ่าตัด แบ่งออกได้เป็น 1. ผ่าตัดเปิดหน้าท้อง 2. การผ่าตัดโดยการส่องกล้อง โดยปัจจุบันมีนวัตกรรมใหม่ด้วยการใช้กล้อง 3 มิติมาช่วยในการวินิจฉัยและผ่าตัด เนื่องจากกล้อง 3 มิติมีข้อดี คือทำให้สามารถเห็นความชัด ลึกของตัวโรคและพยาธิสภาพต่าง ๆ ในอุ้งเชิงกรานได้ดี เพิ่มความแม่นยำมากขึ้น และช่วยลดเวลาในการผ่าตัด โอกาสเกิดจากบาดเจ็บต่ออวัยวะข้างเคียงน้อยลงและท้ายสุดแล้วคือช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
วิธีการป้องกันการปวดท้องประจำเดือนนั้นทำได้ค่อนข้างยาก การออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดความตึงเครียดนั้นก็สามารถลดอาการได้ แต่ทั้งนี้การรู้จักสังเกตอาการการเปลี่ยนแปลงของตัวเองนั้นน่าจะเป็นประโยชน์ได้มากกว่า เพื่อทำให้เราได้ทราบว่าเมื่อไรที่เราควรมาปรึกษาแพทย์แล้ว อาการปวดท้องประจำเดือนเปรียบเหมือนภัยเงียบ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีอาการปวดประจำเดือนดังเช่นที่กล่าวมา ควรมาพบแพทย์เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำและรักษาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่