รอยเตอร์ - พล.อ.อาวุโส มิน ออง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของพม่า ได้ปรับโยกย้ายตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงในวันนี้ (26) รวมทั้งเลื่อนตำแหน่งหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ในความพยายามที่จะนำเสนอภาพของกองทัพเป็นหุ้นส่วนที่มีความรับผิดชอบในการเปลี่ยนแปลงประชาธิปไตย
พล.ท.มา ทุน อู หัวหน้าหน่วยข่าวกรองทางทหาร ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นเสนาธิการทหารสูงสุด อันเป็นตำแหน่งอาวุโสสูงสุดลำดับที่ 3 ของกองทัพพม่า และถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญของการก้าวไปสู่การเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด
การเลื่อนตำแหน่งมีขึ้นไม่นานหลัง พล.อ.อาวุโส มิน ออง หล่าย ตัดสินใจที่จะอยู่ในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดไปอีก 5 ปี และดูเหมือนจะมีเป้าหมายที่การรวมฐานอำนาจของตัวเองในขณะที่สานความสัมพันธ์กับรัฐบาลใหม่ของอองซานซูจี
ทหารปกครองพม่าด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จมาเป็นเวลาเกือบ 50 ปี จนกระทั่งเริ่มถอยออกจากการเมืองในปี 2554 และปูทางไปสู่การเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ในเดือน พ.ย.
พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ของซูจี เอาชนะพรรคสหภาพสามัคคีและการพัฒนาที่กองทัพให้การสนับสนุนในการเลือกตั้ง และนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยเป็นครั้งแรกในรอบมากกว่าครึ่งศตวรรษ
แม้ฝ่ายบริหารชุดใหม่จะเริ่มต้นการทำงานด้วยความตึงเครียดเมื่อถูกทหารคัดค้านความเคลื่อนไหวของพรรค NLD ที่จะตั้งตำแหน่งพิเศษให้แก่ อองซานซูจี แต่หลังจากนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพ และรัฐบาลได้ปรับปรุงพัฒนาขึ้น ผู้สังเกตการณ์ ระบุ
มิน ออง หล่าย ได้เข้าร่วมงานต่างๆ ที่มีความสำคัญในเชิงสัญลักษณ์สำหรับซูจี และทั้งสองฝ่ายยังทำงานร่วมกันในความพยายามที่จะสร้างสันติภาพกับกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์
ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารของชาติตะวันตก มองว่า มา ทุน อู เป็นผู้ปฏิบัติการทางทหารที่ฉลาด ด้วยตระหนักรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการเมืองในภูมิภาค และยังมีความสามารถในการนำการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ยากลำบาก
ในเดือนก่อน พล.ท.มา ทุน อู ยังสร้างความประหลาดใจต่อสาธารณชนเมื่อยอมรับว่า ทหารได้สังหารชาวบ้าน 5 คน ในภาคเหนือของประเทศ ในความเคลื่อนไหวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และยังสัญญาว่าจะดูแลครอบครัวของผู้เสียชีวิต นอกจากนั้น ยังมีส่วนร่วมในการเจรจาหารือระหว่างกองทัพ และซูจีเกี่ยวกับกระบวนการสันติภาพ
พล.อ.อาวุโส มิน ออง หล่าย ยังแต่งตั้งเจ้าหน้าที่อีก 8 นาย ในตำแหน่งใหม่ รวมทั้งผู้บัญชาการในระดับภูมิภาค
กองทัพยังคงมีบทบทสำคัญในการเมืองด้วยครองที่นั่ง 25% ในรัฐสภา ที่มีอำนาจยับยั้งการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ และกองทัพยังควบคุม 3 กระทรวงสำคัญคือ กระทรวงกลาโหม กระทรวงกิจการชายแดน และกระทรวงมหาดไทย.