ซินหวา - รัฐบาลเวียดนาม เพิ่งอนุมัติแผนพัฒนาอี-คอมเมิร์ซ (พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์) ในช่วงปี 2559-2563 ที่ตั้งเป้าให้ร้อยละ 50 ของผู้บริโภคในเมืองใหญ่ต่างๆ เปลี่ยนการจับจ่ายด้วยเงินสดมาเป็นการชำระเงินในรูปแบบอื่นแทน
รัฐบาลยังคาดหวังให้บริการสาธารณะทั้งหมด และการประกวดราคาทั้งหมดอยู่ในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งผู้บริหารธนาคารหลายแห่งให้ความเห็นว่า เป้าหมายที่จะให้ครึ่งหนึ่งของประชากรที่อยู่ในเมืองใหญ่ใช้วิธีชำระเงินที่ไม่ใช่เงินสดนั้นอาจประสบความสำเร็จได้ในเร็ววัน เนื่องจากการบริการธนาคารออนไลน์ เช่น บริการธนาคารทางโทรศัพท์มือถือกำลังเฟื่องฟู
แผนพัฒนาล่าสุดยังกำหนดเป้าหมายให้ร้อยละ 30 ของประชากรชาวเวียดนามซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ และมีมูลค่าการใช้จ่ายที่ 350 ดอลลาร์ต่อคนต่อปีภายในปี 2563 ขณะที่มูลค่าการซื้อขายระหว่างผู้ประกอบการกับลูกค้าแบบอี-คอมเมิร์ซ ตั้งเป้าให้เพิ่มขึ้น 20% ที่ 10,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2563 หรือมีสัดส่วนเท่ากับ 5% ของมูลค่าการบริการ และค้าปลีกทั้งหมดของประเทศ
นอกจากนั้น บรรดาซูเปอร์มาร์เกต ศูนย์การค้า และร้านสะดวกซื้อทั้งหมดจะต้องยอมรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต ขณะที่ร้อยละ 70 ของผู้ให้บริการประปา ไฟฟ้า และโทรคมนาคม จะยอมรับการชำระเงินออนไลน์จากลูกค้า
สำนักงานอี-คอมเมิร์ซและเทคโนโลยีสารสนเทศ ภายใต้การดูแลของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ระบุว่า จนถึงปี 2558 มีชาวเวียดนาม 48 ล้านคน ใช้งานอินเทอร์เน็ต และประมาณ 35 ล้านคน มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟน นอกจากนั้น การเติบโตของตลาดบัตรยังแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มว่าการชำระเงินที่ไม่ใช่เงินสดนั้นกำลังขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจากข้อมูลของสมาคมบัตรธนาคารเวียดนาม ระบุว่า จนถึงสิ้นปี 2558 มีการเปิดบัตรใช้งานประมาณ 82 ล้านใบ โดยร้อยละ 90 เป็นบัตรเอทีเอ็ม.