MGRออนไลน์ - สหรัฐฯ ได้ประกาศยกเลิกการห้ามขายอาวุธยุทโธปกรณ์แก่เวียดนามอย่างเป็นทางการ สิ้นสุดมาตรการที่บังคับใช้มาเป็นเวลา 4 ทศวรรษ ปิดทางมิให้ประเทศคู่สงครามเก่าแก่แห่งนี้เข้าถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยที่ผลิตในสหรัฐฯ ซึ่งถูกมองเป็นปราการสุดท้ายที่กีดขวางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ตลอดเวลากว่า 20 ปีมานี้
เรื่องนี้ถูกจับตามองมากที่สุด และเป็นไฮไลต์สำคัญที่อยู่ในใจกลางการเดินทางเยือนของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งกลายเป็นผู้นำจากทำเนียบขาวคนที่สาม ที่ไปเยือนเวียดนาม ถัดจาก ปธน.บิล คลินตัน เมื่อปี 2553 กับ ปธน.จอร์จ ดับเบิลยู บุช ในปลายปี 2549 ในโอกาสที่ไปร่วมการประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจแห่งแปซิฟิก หรือเอเปก
“สหรัฐฯ ได้ยกเลิกการห้ามจำหน่ายอุปกรณ์ทางทหารแก่เวียดนามที่ดำรงอยู่มาเป็นเวลา 50 ปี” นายโอบามา กล่าว
ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศในขณะเดียวกัน ว่า สหรัฐฯ กับ เวียดนาม ได้พัฒนาความสัมพันธ์มาสู่จุดสูงใหม่ในหลายๆ ด้าน และได้ผ่านกระบวนการสมานฉันท์ที่ยืนยาว สหรัฐฯ มีพันธกรณีสำคัญต่อภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และจะดำเนินพันธกรณีนี้ต่อไป ซเวินจี๊ออนไลน์ (Dantri Online) เว็บไซต์ข่าวภาษาเวียดนาม ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงรายงาน
การประกาศนี้มีขึ้นในวันจันทร์ 23 พ.ค. วันแรกที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ไปเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ และได้พบเจรจากับ พล.อ.เจิ่นไดกวาง (Tran Dai Quang) ประธานาธิบดีเวียดนาม ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้ว สองฝ่ายร่วมกันจัดแถลงผลการเจรจาเวลาประมาณบ่ายโมงวันเดียวกัน ท่ามกลางผู้สื่อข่าวหลายร้อยคนจากทั่วโลกที่เฝ้าติดตามพัฒนาการอันสำคัญระหว่างสองประเทศ
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศระหว่างการแถลงข่าวร่วมเกี่ยวกับการตัดสินใจยกเลิกมาตรการห้ามขายอาวุธแก่เวียดนามทั้งหมด หลังจากได้ผ่อนปรนมาเป็นระยะๆ ในช่วงหลายปีมานี้ แต่การยกเลิกทั้งมาตรการจะช่วยเปิดทางให้เวียดนามเข้าถึงอาวุธสหรัฐฯ ได้ทุกอย่างตามที่เวียดนามต้องการสำหรับป้องกันประเทศ
.
.
“ตลอดศตวรรษที่ผ่านมา สองประเทศของพวกเราได้ผ่านการมีความร่วมมือ และต่อมามีความขัดแย้ง การแยกจากกันอย่างปวดร้าว และตามมาด้วยความปรองดองที่ใช้ระยะเวลายาวนาน” นายโอบามา กล่าวระหว่างการแถลงข่าวคู่กับประธานาธิบดีเวียดนาม
ตามรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพี นายโอบามา ได้บอกทุกคนว่า การยกเลิกมาตรการเอ็มบาร์โกอาวุธต่อเวียดนาม ไม่ได้เกิดจากการเคลื่อนไหวของจีนในภูมิภาคนี้ หากเกิดขึ้นเนื่องจากสองประเทศได้เข้าสู่ “ช่วงใหม่” ซึ่งทำให้ต้องปรับความสัมพันธ์ขึ้นสู่ระดับปกติ
“ข้าพเจ้าประสงค์ที่จะส่งข่าวสารนี้มายังประเทศเวียดนาม ให้ทราบว่า สหรัฐฯ จะสืบสานต่อการมีส่วนร่วมต่างๆ ในภูมิภาคแปซิฟิกต่อไป..” ประธานาธิบดีโอบามา กล่าวในตอนหนึ่ง
ส่วน ปธน.เวียดนาม กล่าวในโอกาสเดียวกันนี้ ว่า การประกาศวิสัยทัศน์ร่วมระหว่างผู้นำของสองฝ่าย เวียดนาม-สหรัฐฯ ตั้งอยู่บนพื้นฐาน จุดยืนความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในช่วงที่ผ่านมา ที่มีความก้าวหน้าบนพื้นฐานการเคารพฐานะทางการเมืองของกันและกัน
“ครั้งนี้สองฝ่ายได้ออกคำแถลงร่วมที่จะเสริมขยายการเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาความสัมพันธ์อย่างทั่วด้านให้ลงสู่แนวลึก เพื่อให้บรรลุได้ความตกลงด้านต่างๆ ทั้งด้านการยุติธรรม การแลกเปลี่ยนบุคลากร การศึกษาและฝึกอบรม ตลอดจนการแก้ปัญหาอันเป็นผลพวงจากสงคราม” พล.อ.ไดกวาง กล่าว