รอยเตอร์ - เวียดนามบอกต่อเจ้าของโรงงานถลุงเหล็กที่สร้างโดยไต้หวัน ให้ขุดท่อน้ำเสียขึ้นตรวจสอบ แม้จะยังไม่พบหลักฐานความเกี่ยวโยงกันของการปล่อยน้ำเสียของโรงงานกับการตายของปลาเป็นจำนวนมาก ที่ก่อให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับสุขภาพ และสร้างความไม่พอใจให้แก่ประชาชน
ปลาตายจำนวนมากถูกพบในฟาร์มหลายแห่ง และตามชายหาดในภาคกลางของเวียดนาม นับตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. แต่ยังไม่ทราบสาเหตุของสิ่งที่รัฐบาลเรียกว่าเป็นหนึ่งในภัยพิบัติทางสิ่งแวดล้อมที่เลวร้ายที่สุดของประเทศ
รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อม ประกาศว่า ท่อน้ำทิ้งของบริษัทหุงเหงียบฟอร์โมซาห่าตี๋งนั้นผิดกฎหมาย หลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบตัวอย่างน้ำในพื้นที่โดยรอบบริษัท
“เราเสนอให้มีมาตรการตรวจสอบระบบนี้หลังท่อถูกขุดขึ้นมา เพื่อให้เข้าถึงได้ง่าย และตรวจสอบได้” เจิ่น ห่ม ห่า (Trần Hồng Hà) รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อม กล่าวต่อเจ้าหน้าที่ของบริษัทฟอร์โมซา และผู้สื่อข่าว
ความเห็นของรัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อม เผยให้เห็นว่า รัฐบาลยังคงมีข้อสงสัย แม้ผลทดสอบชี้ว่า ฟอร์โมซา ที่เป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ของโครงการเหล็กมูลค่า 10,600 ล้านดอลลาร์ ไม่ได้อยู่เบื้องหลังมลพิษก็ตาม
ในคำแถลงที่ออกในวันศุกร์ (29) รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อม ยอมรับว่า รัฐบาลขาดประสบการณ์ในการรับมือต่อภัยพิบัติ และดำเนินการล่าช้า พร้อมกับเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่า เป็นภัยพิบัติทางสิ่งแวดล้อมขนาดใหญ่ และร้ายแรง
รัฐบาลได้สั่งห้ามจำหน่าย และแจกจ่ายผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่ไม่มีชีวิตใน 4 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ และจากการสืบสวนระบุว่า การปล่อยสารพิษอาจมาจากฝีมือมนุษย์ หรือปรากฏการณ์น้ำทะลเปลี่ยนสี ที่อาจทำให้ปลาตาย
ความไม่พอใจของประชาชนปรากฏชัดในสื่อสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ที่มีชาวเวียดนามใช้งานมากกว่า 30 ล้านคน ต่างแสดงความเห็นที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจต่อบริษัทฟอร์โมซา และวิพากษ์วิจารณ์การตอบสนองที่เชื่องช้าของรัฐบาล
หลายคนใช้แฮชแท็ก #toichonca ที่หมายความว่า “ฉันเลือกปลา” โดยแฮชแท็กนี้เริ่มปรากฏขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ชาวไต้หวันที่บริษัทฟอร์โมซาห่าตี๋ง กล่าวว่า เวียดนามต้องเลือกระหว่างจับปลาจับกุ้ง หรือสร้างอุตสาหกรรมเหล็กที่ทันสมัย ซึ่งเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้กล่าวขออภัยในภายหลัง
ในหนังสือราชการที่ออกเมื่อวันศุกร์ (29) นายกรัฐมนตรีเหวียน ซวน ฟุก กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่พบสาเหตุ และตระหนักถึงความวิตกของประชาชน
ส่วนการส่งออกอาหารทะเลของเวียดนาม ที่มีมูลค่า 6,600 ล้านดอลลาร์ในปีก่อน จะไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ หน่วยงานด้านอาหารทะเลของประเทศ ระบุ
สำหรับคำร้องบนเว็บไซต์ทำเนียบขาว เรียกร้องให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยกประเด็นนี้หารือกับผู้นำเวียดนามระหว่างการเยือนในเดือนหน้า.
.
.
.