เอเอฟพี - อดีตนักโทษชาวมุสลิมของระบอบการปกครองของเขมรแดง ให้การต่อศาลว่าถูกบังคับให้เป็นพยานรู้เห็นในเหตุการณ์สังหารผู้หญิงคนหนึ่ง และตับของเหยื่อรายนั้นถูกเฉือนออกไปทำอาหารต่อหน้าต่อตา
เมอ ปึว ได้ให้การต่อศาลในการพิจารณาคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของ นวน เจีย สหายหมายเลข 2 อายุ 89 ปี และเคียว สมพร อดีตประธานแห่งรัฐ อายุ 84 ปี โดยในการพิจารณาคดีต่ออดีตแกนนำเขมรแดงครั้งนี้ มุ่งประเด็นไปที่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิม และเวียดนาม รวมทั้งชาวจาม
เมอ ปึว เล่าเรื่องในวัยเด็กที่ถูกควบคุมตัวอยู่ใน จ.โพธิสัตว์ (Pursat) ด้วยถูกกล่าวหาว่าทรยศเขมรแดงจากการขโมยข้าว และที่ค่ายกักกัน เขาได้เห็นหญิงคนหนึ่งถูกฆ่า
“เธอถูกสั่งให้ถอดเสื้อผ้า และร่างของเธอถูกผ่าออก เลือดเต็มไปทั่วทุกที่ ตับของเธอถูกเฉือนออกไปทำอาหาร” เมอ ปึว อธิบายเหตุฆาตกรรมอันโหดร้ายผ่านล่ามของศาล
ประชาชนชาวกัมพูชามากถึง 2 ล้านคน เสียชีวิตภายใต้การปกครองของเขมรแดง ระหว่างปี 2518-2522 รวมทั้งมุสลิมชาวจาม 100,000-500,000 คน และชาวเวียดนาม 20,000 คน
เมอ ปึว กล่าวว่า เขาเสียญาติไปถึง 17 คน ในช่วงการปกครองของเขมรแดง รวมทั้งพ่อของเขาที่อดอาหารตายหลังปฏิเสธที่จะกินเนื้อหมู
“ผมฝืนตัวเองให้กินหมูเพื่อที่จะมีชีวิตรอด” เมอ ปึว กล่าว
นวน เจีย และเคียว สมพร ได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตจากคดีก่อนหน้านี้ที่เกี่ยวกับการบังคับอพยพผู้คนออกจากกรุงพนมเปญไปยังค่ายแรงงานในชนบท และการฆาตกรรมในพื้นที่สังหาร
การกินเนื้อคนของทหารเขมรแดงเคยถูกกล่าวถึงก่อนหน้านี้จากผู้เห็นเหตุการณ์คนอื่นๆ ที่ขึ้นให้การต่อศาล รวมทั้งเหตุการณ์ที่ทหารเขมรแดงกินถุงน้ำดีตากแห้งของนักโทษที่ถูกสังหาร
แม้การกินเนื้อคนไม่เป็นที่แพร่หลาย แต่ผู้นำเขมรแดงได้ส่งเสริมความเกลียดชังต่อผู้ที่ถูกมองว่าเป็นศัตรูจนนำไปสู่การใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะการทรมานผู้อื่นแบบซาดิสต์
นักประวัติศาสตร์ได้เสนอเหตุผลหลากหลายที่ทำให้เกิดการกินเนื้อคนขึ้น ตั้งแต่สภาพแวดล้อมของความรุนแรง ความเชื่อเกี่ยวกับการได้พลังของศัตรูผ่านการกินอวัยวะของคนเหล่านั้น ไปจนถึงความหิวโหย และความสิ้นหวังในหมู่กองทหารเขมรแดง
ระบอบการปกครองของเขมรแดงได้รื้อถอนสังคมสมัยใหม่ในกัมพูชาในความพยายามที่จะสร้างสังคมอุดมคติ แต่ผู้นำเขมรแดงคนสำคัญหลายคนได้เสียชีวิตไปโดยที่ยังไม่ได้เผชิญต่อกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งพลพต ที่เสียชีวิตในปี 2541.