คนงานเขมรหลายหมื่นผละงานประท้วงร้องปรับเพิ่มค่าแรง

ซินหวา - เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานกัมพูชา เผยว่า คนงานโรงงานหลายหมื่นคนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ 2 แห่ง ในเมืองบาเวต จ.สวายเรียง ยังคงชุมนุมประท้วงเรียกร้องปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำในวันนี้ (17)

“คนงานเกือบ 30,000 คน จากโรงงาน 39 แห่ง ในเขตเศรษฐกิจพิเศษแมนฮัตตัน และไทเส็ง ได้ผละงานประท้วงตั้งแต่บ่ายวันพุธ (16) เพื่อเรียกร้องค่าแรงขั้นต่ำสูงขึ้น” ผู้อำนวยการสำนักงานแรงงาน จ.สวายเรียง กล่าว

การชุมนุมประท้วงของคนงานมีขึ้นหลังเจ้าหน้าที่แรงงานประจำจังหวัดประกาศจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นสำหรับค่าแรงขั้นต่ำในภาคส่วนอุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป และรองเท้าที่มีผลตั้งแต่เดือนหน้า

เมื่อเดือน ต.ค. รัฐบาลกัมพูชากำหนดอัตราค่าแรงขั้นต่ำใหม่สำหรับภาคส่วนการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป และรองเท้าที่ 140 ดอลลาร์ต่อเดือนในปีหน้า เพิ่มขึ้น 9.4% จากปัจจุบันที่ 128 ดอลลาร์

“ผู้ชุมนุมประท้วงกล่าวว่า จำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นนั้นยังน้อยไป และเรียกร้องว่าเงินเดือนควรเพิ่มเป็น 148 ดอลลาร์ เราไม่สามารถที่จะยอมรับข้อเรียกร้องของพวกเขาได้เพราะรัฐบาลได้ตัดสินใจเกี่ยวกับค่าแรงขั้นต่ำสำหรับปี 2559 ไปแล้ว” เจ้าหน้าที่จากสำนักงานแรงงาน จ.สวายเรียง กล่าว

การชุมนุมประท้วงเริ่มขึ้นจากโรงงานรองเท้าแห่งหนึ่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษแมนฮัตตัน เมื่อวันพุธ (16) เมื่อผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งได้ขว้างปาก้อนหินไปที่หน้าต่างโรงงาน และบังคับคนงานในโรงงานอื่นๆ เข้าร่วมกับพวกเขา

ตามการระบุของผู้อำนวยการสำนักงานแรงงานจังหวัด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายร้อยคนถูกระดมกำลังมาที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 2 แห่ง เพื่อป้องกันโรงงาน และนักลงทุนในวันนี้

สมาคมผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปในกัมพูชา (GMAC) เรียกร้องให้รัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเข้าดำเนินการด้วยมาตรการที่เหมาะสมโดยทันทีเพื่อป้องกัน และรักษาความปลอดภัยต่อนักลงทุน และทรัพย์สิน

“ในวันนี้ (17) กิจกรรมการผลิตทั้งหมดของเขตเศรษฐกิจพิเศษแมนฮัตตันต้องหยุดลงอย่างสิ้นเชิง ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นมูลค่าหลายล้านดอลลาร์” GMAC ระบุในจดหมายเปิดผนึกฉบับหนึ่งที่ส่งถึงนายกรัฐมนตรีฮุนเซน

ภาคส่วนการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป และรองเท้าเป็นแหล่งรายได้จากต่างชาติแหล่งใหญ่ที่สุดของกัมพูชา ที่ประกอบด้วยโรงงานเกือบ 1,100 แห่ง และคนงานประมาณ 700,000 คน ตามรายงานของรัฐบาล

ภาคส่วนนี้ส่งออกผลิตภัณฑ์เป็นมูลค่า 3,300 ล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80% ของการส่งออกทั้งหมดของประเทศ.