MGRออนไลน์ -- ทุกอย่างเป็นไปตามคาด อุตสาหกรรมกลาโหมญี่ปุ่น ได้เสนอขายเครื่องบินลาดตระเวนปราบเรือดำน้ำรุ่นหนึ่ง กับ เครื่องบินขนส่งอีกรุ่นหนึ่งให้แก่ไทย และ กลุ่มประเทศอาเซียน โดยหวังเปิดตลาดในโซนที่กำลังพัฒนาขีดความสามารถด้านการป้องกันประเทศอย่างใหญ่โต ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ นับตั้งแต่เกิดความตึงเครียดขึ้นในทะเลจีนใต้ โดยเชื่อกันว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ผลิตโดยเทคโนโลยีของญี่ปุ่น จะกลายเป็นอาวุธทางเลือก
ทั้งสองรุ่นเป็นเครื่องบินที่ผลิตโดยกลุ่มคาวาซากิ เฮฟวี อินดัสตรี ลำแรก คือ P-1 ที่ติดเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ทันสมัยไล่ล่าเรือดำน้ำ ติดตั้งระบบอาวุธครบครัน แบบเดียวกับที่ประจำการในกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเล หรือ "กองทัพเรือ" ของญี่ปุ่นในปัจจุบัน กับอีกรุ่นหนึ่ง คือ C-2 เครื่องบินขนส่งระยะปานกลาง-ระยะไกล ที่มีขนาดใหญ่กว่า ขนสัมภาระ/กำลังพลได้มากกว่า C-130 "เฮอร์คิวลีส" นิตยสารรายสัปดาห์เจนส์ ซึ่งเป็นแหล่งข่าวสารด้านกลาโหม ที่เก่าแก่และเชื่อถือมากที่สุดของโลกรายงานเรื่องนี้
มีบริษัทญี่ปุ่นจำนวน 12 บริษัท มาร่วมงานแสดงอาวุธป้องกันประเทศประจำปี 2558 หรือ งานนิทรรศการ Defence and Security 2015 ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 2-5 พ.ย.ที่ผ่านมา รวมทั้งบริษัทคาวาซากิเฮฟวีอินดัสตรี (Kawasaki Heavy Industry) และ บริษัทมิตซูบิชิอิเล็กทรอนิกส์ (Mitsubishi Electronics) ซึ่งเป็นแขนงหนึ่งของมิตซูบิชิเฮฟวีอินดัสตรีด้วย
ญี่ปุ่นได้สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ไทย และประเทศในเอชียตะวันออกเฉียงใต้ว่า การซื้ออาวุธจากญี่ปุ่นเป็นไปได้แล้ว หลังจากมีการแก้กฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งอนุญาตให้รัฐบาลสามารถส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์แก่มิตรประเทศได้ ผู้แทนของทั้งสองบริษัทนี้ยังบอกเจนส์อีกว่า ฝ่ายไทยได้ให้ความสนใจ ผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอเป็นอย่างยิ่ง นิตยสารที่ตีพิมพ์ในกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษรายงาน
ผู้แทนของ KHI กล่าวว่า บริษัทฯ กำลังทำตลาดเครื่องบิน P-1 กับ C-2 ในประเทศไทยกับอีกบางประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คาวาซากิ P-1 เป็นเครื่องบินลาดตระเวณ ที่กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น ใช้แทน P-3C "โอไรออน" (Orion) เครื่องบินประเภทเดียวกัน ที่ซื้อจากสหรัฐ ที่มีสภาพเก่าเนื่องจากใช้งานมานานหลายสิบปี P-1 ทันสมัยยิ่งกว่า คือ มี 4 เครื่องยนต์ เป็นเครื่องไอพ่นเทอร์โบแฟนแบบ F-7 ผลิตโดยกลุ่มไอเอชไอ คอร์ปอเรชั่น (Ishikawajima-Harima Heavy Industries) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมหนักที่มีเชื่อเสียง และ ผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน ให้ทบวงป้องกันประเทศมานาน ทำให้ P-1 ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 996 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ ระยะปฏิบัติการ 8,000 กิโลเมตร
เมื่อนำไปใช้บินตรวจการณ์ทางทะเล P-1 ติดระบบเรดาร์แสกนแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ "อีซา" (AESA) รุ่น HPS-106 ที่ผลิตโดยบริษัทโตชิบา ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับเรือดำน้ำ รวมทั้งอุปกรณ์ไฮดรออะคูสติก มีจุดติดตั้งอาวุธภายนอก 8 จุด จุดติดตั้งระเบิดหรือจรวดภายในตัวเครื่องอีก 8 จุด สามารถติดจรวดฮาร์พูน (Harpoon Missile) จรวดเมเวอริก (Maverick) AGM-65 และ จรวดนำวิถีแบบ ASM-1C ที่ผลิตโดยมิตซูบิชิเฮฟวีอินดัสตรี รวมทั้งติดตอร์ปิโดได้หลายรุ่น หลายขนาด
.
.
.
.
.
คาวาซากิฯ ผลิต C-2 ให้ทบวงป้องกันประเทศเช่นกัน โดยติดเครื่องยนต์ CF6-80C2K1F ของจีอีจำนวน 2 เครื่อง ความเร็วสูงสุด 890 กม./ชม. ระยะปฏิบัติการ 6,500 กม. ขนสินค้าได้ถึง 37.6 ตัน เทียบกับ 10 ตันใน C-1 รุ่นก่อน และ 19 ตัน โดย C-130 "เฮอร์คิวลีส" ของสหรัฐ C-2 ยังสามารถบรรทุกกำลังพลได้ถึง 120 นายต่อเที่ยว หรือ บรรทุกเฮลิคอปเตอร์ซีฮอว์กได้ 1 ลำ ส่วนหางเปิดได้ในขณะบินอีกด้วย
ในช่วง 10 ปีก่อนหน้านี้ ทบวงป้องกันประเทศญี่ปุ่น ได้ศึกษาวิจัยเครื่องบินขนส่งแบบต่างๆ รวมทั้ง C-130J "ซูเปอร์เฮอร์คิวลีส" C-17 "โกลบอลมาสเตอร์ III" และ Airbus A400M แต่ไม่มีแบบใดสนองความต้องการได้ จึงเลือกคาวาซากิฯ ให้ศึกษา และ จัดสร้างต้นแบบ จนกระทั่ง C-2 สามารถขึ้นบินได้ครั้งแรก ในเดือน ม.ค.2554
ทบวงป้องกันประเทศของญี่ปุ่นมีแผนการจัดซื้อ C-2 จำนวน 40 ลำ เพื่อนำเข้าประจำการแทนฝูง C-1 กับ C-130
ยังไม่ทราบราคาเครื่องบินทั้งสองรุ่น ที่ฝ่ายญี่ปุ่นเสนอขายให้ไทยในครั้งนี้ และ ยังไม่ทราบความคืบหน้ากรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย เคยให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเกียวโดก่อนหน้านี้ แสดงความสนใจ US-2 ซึ่งเป็นเครื่องบินขนส่งทางทะเล (Seaplane) สะเทินน้ำสะเทินบก ผลิตโดยบริษัทชินเมวะ (Shinmaywa)
หลายประเทศในย่านนี้ ได้แสดงความสนใจอาวุธยุทโธปกรณ์ของญี่ปุ่น เพื่อเป็นทางเลือกแทนอาวุธสหรัฐ และ อาวุธโซเวียต/รัสเซีย ในการเพิ่มขีดความสามารถด้านป้องกันประเทศ ก่อนหน้านี้ทั้งอินเดีย และอินโดนีเซีย ต่างแสดงความสนใจเครื่องบินทะเล US-2 เช่นกัน
หลายปีมานี้อุตสาหกรรมป้องกันประเทศของญี่ปุ่น ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ประสิทธิภาพดีเยี่ยมออกมาจำนวนมาก ทั้งสำหรับกองกำลังทางทะเล ทางอากาศ และ ทางบก ภายใต้ข้อจำกัดทางกฎหมาย เนื่องจากรัฐธรรมนูญแนวสันติ ที่ใช้มาตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ห้ามรัฐบาลผลิตอาวุธเพื่อการโจมตีใดๆ ให้ผลิตได้เฉพาะอาวุธที่ใช้ในเชิงป้องกันตนเองเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สื่อญี่ปุ่นรายงานก่อนหน้านี้ว่า กฎหมายที่ห้ามรัฐบาลส่งออกอาวุธ ได้ถูกยกเลิกไปปลายปีที่แล้ว หลังมีการแก้ไขบทบัญญัติที่เกี่ยวข้อง เปิดทางให้รัฐบาลสามารถจำหน่ายให้แก่มิตรประเทศได้อย่างมีเงื่อนไข โดยต้องได้รับอนุมัติจากรัฐสภา.