ซินหวา (ย่างกุ้ง) -- ทางการพม่าได้คัดเลือกบริษัทชั้นนำราว 10 แห่ง เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นย่างกุ้ง ซึ่งเป็นตลาดทุนแห่งแรกของประเทศ ที่มีแผนจะเปิดให้บริการซื้อขายได้ ในเดือน ธ.ค.นี้ รายงานของทางการฉบับหนึ่งที่เผยแพร่ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ระบุเกี่ยวกับเรื่องนี้
นายหม่องหม่องเต็ง (Maung Maunh Thein) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการหลักทรัพย์และที่ปรึกษาตลาดหุ้น ได้เรียกร้องให้บริษัทต่างๆ เหล่านั้น ร่วมมือกันในความพยายามพัฒนาตลาดหุ้น นายหม่องเต็งกล่าวว่า ตลาดหุ้นย่างกุ้งกำลังจะเปิดตลาดทุนในประเทศ
ตลาดหุ้นที่จะเปิดใหม่ ที่ใช้ชื่อย่อ YEX แต่เดิมมีกำหนดเปิดในเดือน ต.ค.นี้ แต่ได้เลื่อนออกไปเป็น ธ.ค. เพื่อเปิดทางให้แก่ การเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 พ.ย. นี้
ตลาดหุ้นย่างกุ้ง จะดำเนินการโดยธนาคารเศรษฐกิจพม่า หรือ Myanmar Economic Bank ซึ่งร่วมหุ้นส่วน กับ ตลาดหุ้นโตเกียวประเทศญี่ปุ่น และ กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ไดวา (Daiwa Securities Group) จากญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน
ทันทีที่เริ่มดำเนินการ ธนาคารและบริษัทธุรกิจชั้นนำ ซึ่งรวมทั้งแบงก์เอเชียกรีนดีเวลล้อปเม้นต์ (Asia Green Development Bank หรือ AGD) ธนาคารธุรกิจการเกษตรพม่า (Myanmar Agribusiness Public Corporation หรือ MAPCO) และ บริษัทเฟิร์สต์เมียนมาร์อินเวสต์เม้นต์ (First Myanmar Investment Co, Ltd หรือ FMI) จะเปิดการจำหน่ายหุ้นแก่นักลงทุนทั่วไป
การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นย่างกุ้ง จะใช้เงินสกุลจ๊าตของพม่า และ ไม่มีการจำกัดจำนวนหุ้นที่ซื้อขาย ยกเว้นในกรณีที่ซื้อขายเป็นจำนวนมากมายอย่างผิดสังเกต ที่จะมีการตรวจสอบ นายหม่องเต็งกล่าว
ที่ผ่านมาคณะกรรมการฯ ได้ออกใบอนุญาตแบ่งเป็น 4 ประเภท ประกอบด้วย บริษัทค้ำประกันการจดทะเบียน บริษัทตัวแทนจำหน่าย บริษัทโบรกเกอร์ทั่วไป และ บริษัทที่ปรึกษา ซึ่งมีการออกข้อกำหนดเกี่ยวกับเงินทุนจดทะเบียน และ คุณสมบัติของบริษัท แต่ละประเภทแตกต่างกันออกไป นอกจากนั้นยังมีบริษัทบริการหลักทรัพย์อีกจำนวนหนึ่ง ที่ทางการเปิดโอกาสให้ดำเนินการร่วมกับบริษัทต่างประเทศได้ ในรูปแบบบริษัทร่วมทุน โดยเชื่อว่าจะมีส่วนสำคัญในการผลักดันการพัฒนาตลอดหุ้นเกิดใหม่
ภายใต้ความตกลงที่ลงนามกันในกรุงเนปีดอ ในเดือน ธ.ค.2557 บริษัทร่วมทุนตลาดหุ้นย่างกุ้ง (Yangon Stock Exchange Joint Venture Co Ltd) จะเปิดดำเนินการ โดย MEB ถือหุ้นใหญ่ 51% บริษัทสถาบันวิจัยไดวา ( Daiwa Institute of Research Ltd) อีก 30.25% และ กลุ่มบริษัทตลาดหุ้นญี่ปุ่น (Japan Exchange Group) ถือ 18.75% ที่เหลือ.