ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ความพยายามในการสร้างสันติภาพในระดับรัฐบาลของประธานาธิบดีเต็งเส่ง กับบรรดาผู้นำกลุ่มชาติพันธุ์ และกองกำลังอาวุธต่างๆ ทั่วประเทศ คืบหน้าไปไกลในช่วงต้นเดือนมานี้ แต่ในขณะเดียวกัน สถานการณ์ในพื้นที่กลับเป็นอีกอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในดินแดนที่ห่างไกลออกไปทางตะวันออกเฉียงหนือของประเทศ กลุ่มผู้นำในรัฐชานได้กล่าวหาว่า ทหารฝ่ายรัฐบาลยังคงลอบโจมตีกองกำลังติดอาวุธของฝ่ายตนรอบใหม่ในช่วงไม่กี่วันมานี้
ถึงแม้ว่าการกล่าวหาจากแดนไกลจะยากในการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ในสัปดาห์เดียวกัน องค์กรภาคเอกชนที่สอดส่องดูแลกระบวนการสันติภาพในพม่า ได้รายงานอย่างหลากหลาย เหตุการณ์ปะทะ หรือการซุ่มโจมตีระหว่างฝ่ายต่างๆ ทั้งในรัฐชานแห่งนี้
ปลายสัปดาห์ที่แล้ว สภาเพื่อการฟื้นฟูแห่งรัฐชาน (Restoration COuncil of Shan State) ซึ่งเป็นองค์การรวมทางการเมืองของหลายฝ่าย ได้ออกคำแถลงฉบับหนึ่งกล่าวหาว่า ทหารรัฐบาลได้เข้าปฏิบัติการในพื้นที่ภายใต้การควบคุมของ RCSS ค้นหา และโจมตีเจ้าหน้าที่ RCSS กับกองกำลังของกองทัพแห่งรัฐชาน (Shan State Army) และเกิดการปทะรวม 7 ครั้งในวันที่ 16 ก.ย.2558
ทหารรัฐบาลยังจับกุมประชาชนผู้บริสุทธิ์ไปหลายคนที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตเมืองขุนฮิง (Kun Hing) และยิงราษฎรที่หมู่บ้านอีกแห่งหนึ่งในเขตเมืองพอน (Pawn) RCSS ระบุในคำแถลงฉบับหนึ่งที่ “ASTVผู้จัดการออนไลน์” ได้รับ
คำแถลงของ RCSS กล่าวว่า การกระทำของทหารรัฐบาลได้ทำให้พื้นที่ภายใต้การควบคุมของตน ไม่มีความมั่นคงปลอดภัยต่อพรรคการเมือง และประชาชนทั่วไป จึงเรียกร้องให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง หยุดการณรงค์หาเสียงเลือกตั้งลงทั้งหมด จนกว่าพื้นที่จะกลับสู่ความสงบเช่นเดิม
หน่วยงานสิทธิมนุษยชนที่ติดตามการหยุดยิง และการสร้างสันติภาพในพม่า กล่าวว่า ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 14 ก.ย. ทหารรัฐบาลสังกัดกองพัน 12 ได้ยิงปืนใหญ่โจมตีหมู่บ้านแห่งหนึ่้ง ทำให้ราษฎรเสียชีวิต 1 คน เป็นหญิงสูงอายุ ชายวัย 40 ปี อีก 1 คนบาดเจ็บ ก่อนจะเข้าพื้นที่ และใช้มีดไล่แทงราษฎรที่วัดแห่งหนึ่งขณะกำลังมีงานทำบุญ ทำให้มีผู้บาดเจ็บอีก 5 คน
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อวันเสาร์ก่อน ในท้องที่ อ.ลอยเล็ม (Loi Lem) ทางตอนใต้ของรัฐชาน มีผู้บาดเจ็บสาหัสคนหนึ่งถูกนำส่งโรงพยาบาลตองยี ในเมืองเอกของรัฐ
ยังเกิดเหตุการณ์คล้ายกันนี้อีก 3 หรือ 4 เหตุการณ์นับตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย. ตั้งแต่ทางตอนใต้ของรัฐ ไปจนถึงทางตอนเหนือที่เมืองมูเซะ ซึ่งทหารพม่าได้ลักพาตัวราษฎรชาวชานไปจำนวหนึ่ง และยังไม่ทราบชะตากรรมใดๆ จนกระทั่งบัดนี้
เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนสะท้อนให้เห็นสถานการณ์อันลำบาก ในขณะที่ประธานาธิบดีเต็งเส่ง ได้พยายามอย่างยิ่งยวดในการจัดทำข้อตกลงสันติภาพกับกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ กว่า 10 กลุ่มทั่วประเทศ และดูเหมือนกันใกล้ประสบความสำเร็จ อย่างน้อยที่สุดก็ทางด้านการเมือง และการทูต
.
2
วันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีพม่าได้เป็นประธานการประชุมหารือในระดับสูง กับบรรดาผู้นำกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ จำนวน 9 คน ที่รัฐบาลถือว่าเป็นกลุ่มผิดกฎหมาย ร่วมกันหาแนวทางใหมทาในการทำข้อตกลงหยุดยิงถาวร
การเจรจาในกรุงเนปีด ได้ข้อสรุปว่า ผู้เจรจาของทั้งสองฝ่ายได้ยินยอม และตกลงจะเข้าร่วมกับกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ รวม 15 กลุ่ม ลงนามข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศเป็นชุดแรก ขณะที่ประตูสำหรับการลงนามข้อตกลงของกลุ่มชาติพันธุ์ที่ไม่ได้รับเชิญที่เหลือยังคงเปิดอยู่ หากกลุ่มชาติพันธุ์เหล่านั้นยังดำเนินการเจรจาข้อตกลงกับรัฐบาลต่อไป
ระหว่างการหารือ รัฐบาลยังย้ำคำมั่นที่จะร่างโครงร่างการทำงานทางการเมืองภายใน 60 วัน หลังการลงนามข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ และจะเริ่มการเจรจาทางการเมืองภายใน 90 วัน
การเจรจาหยุดยิงปัจจุบันยังมีกลุ่มติดอาวุธที่ไม่เข้าร่วมอยู่เพียงไม่กี่กลุ่ม รวมทั้งกลุ่มกบฏโกกัง กับกองกำลังชนชาติตะอางที่เป็นพันธมิตร ในพื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐชาน ซึ่งเป็นเขตปะทะที่หนักหน่วงรุนแรงในช่วงต้นปีนี้
ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า ถ้าหากยังเกิดการปะทะกันระหว่างทหารรัฐบาล กับกองกำลังที่เข้าร่วมกระบวนการสันติภาพในขณะนี้ การทำข้อตกลงหยุดยิงถาวรเป็นเรื่องที่เป็นได้ยากเช่นเคย.