เอพี - การค้าไม้ผิดกฎหมายระหว่างพม่าและจีนกำลังขยายตัวเกือบถึงจุดสูงสุดของรอบทศวรรษที่ผ่านมา เมื่อคนตัดไม้บุกลึกเข้าไปในพม่าเพื่อตัดไม้ ตามรายงานที่เผยแพร่วันนี้ (17) โดยกลุ่มสิ่งแวดล้อม
องค์การสืบสวนสภาพสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่มีสำนักงานในกรุงลอนดอน ระบุว่า หน่วยงานได้ร้องไปยังรัฐบาลของทั้งสองประเทศให้หยุดการค้าที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ต่อปี ที่กำลังลดพื้นที่ป่าของพม่า และจัดส่งวัตถุดิบให้แก่อุตสาหกรรมแปรรูปไม้ของจีน เพื่อทำเฟอร์นิเจอร์สำหรับตลาดภายในประเทศ และต่างประเทศ
EIA ระบุว่า กิจการของจีนได้สิทธิเข้าไปตัดไม้อย่างผิดกฎหมายด้วยการจ่ายสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่ทุจริตในรูปของทองคำแท่ง และติดสินบนกลุ่มติดอาวุธ และกองทัพเพื่อผ่านจุดตรวจ ส่วนการตัดไม้ดำเนินการโดยชาวจีนที่ยากจนที่หลายสิบคนถูกตัดสินโทษเมื่อช่วงต้นปีหลังทางการพม่าเข้าปราบปราม แต่หัวหน้าแก๊งที่เป็นผู้จัดการการค้า และเก็บผลกำไรยังคงลอยนวล รายงานระบุ
จูเลี่ยน นิวแมน ผู้อำนวยการฝ่ายรณรงค์ของ EIA กล่าวว่า ในการเปิดตัวรายงานในกรุงปักกิ่ง ปริมาณไม้ผิดกฎหมายที่ข้ามจากฝั่งพม่าไปจีนมีมากเกือบ 900,000 ลูกบาศก์เมตร เกือบเท่ากับปี 2548 ที่มีปริมาณสูงสุดที่ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ลดจำนวนลงในเวลาต่อมาหลังจีนควบคุมชั่วคราว
นิวแมน ระบุว่า ไม้พะยูง และไม้สักมาจากป่าลึกในพม่าเมื่อจีนเข้าลงทุนสร้างเขื่อน และโครงสร้างพื้นฐานที่นำไปสู่การสร้างถนน และเข้าถึงป่าไม้ที่ไม่เคยมีใครแตะต้องมาก่อน
EIA เรียกร้องจีนให้สั่งห้ามการนำเข้าไม้ผิดกฎหมายทั้งหมด และต้องการให้พม่าลดการตัดไม้ทั่วประเทศจนกว่าพม่าประเมินสภาพป่าของประเทศ
การค้าข้ามพรมแดนผิดกฎหมายกลายเป็นประเด็นสำคัญในช่วงต้นปี เมื่อศาลในภาคเหนือของพม่าตัดสินโทษจำคุกชาวจีน 155 คน จากการตัดไม้ผิดกฎหมาย คดีที่กระทบความสัมพันธ์กับปักกิ่ง แต่ชาวจีนกลุ่มดังกล่าวถูกปล่อยตัวในเวลาต่อมาในส่วนหนึ่งของการอภัยโทษของประธานาธิบดีให้แก่นักโทษหลายพันคน
การค้าไม้ระหว่างรัฐกะฉิ่นของพม่า และมณฑลหยุนหนานของจีนดำเนินไปอย่างราบรื่นหลายศตวรรษ แต่ในเดือน เม.ย.2557 ที่ผ่านมา ทางการพม่าออกกฎหมายห้ามส่งออกไม้ และมีคำสั่งระบุว่าไม้ทุกชนิดสามารถออกจากประเทศได้เฉพาะที่ท่าเรือนครย่างกุ้งเท่านั้น.